ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
อันตรายของการชิริก
ศาสนาอิสลามถือว่าชิริกหรือการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺนั้น
เป็นความชั่วที่ร้ายแรงที่สุดและเป็นบาปที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา
บาปทั้งหลาย ดังที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้
กล่าวว่า
ความว่า “เอาไหมฉันจะบอกแก่พวกเจ้าถึงสิ่งที่เป็นบาปใหญ่
ที่สุดในบรรดาบาปใหญ่ทั้งหลาย )สามครั้ง (?” เศาะหาบะฮฺตอบ
ว่า “แน่นอน โอ้ท่านรอสูลุลลอฮฺ” ท่านได้ตอบว่า “ )นั่นคือ (การ
ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ” [บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺและมุสลิม]
ชิริกนั้นมีทั้งที่ร้ายแรงจนถึงขั้นที่ทำให้ออกนอกศาสนา
และทำให้คนที่กระทำต้องตกนรกอย่างถาวรหากเขาตายใน
สภาพที่ทำชิริก
4
ตัวอย่างการกระทำที่เป็นชิริกในสังคมมุสลิม
- การกราบไหว้ บูชาเจว็ด รูปปั้น รูปภาพ บุคคล ครู
บาอาจารย์ กษัตริย์ เสาหรือธง หรือสิ่งใดๆนอกเหนือจากอัลลอ
ฮฺ รวมถึง คนที่ทำอิบาดะฮฺ เช่น ละหมาด จ่ายซะกาต ถือศีลอด
ทำหัจญ์ หรืออิบาดะฮฺใดๆ เพื่อบูชาให้สิ่งอื่นจากอัลลอฮฺ อันนี้
ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการทำชิริก
- การเคารพสักการะกุโบรฺหรือหลุมฝังศพ หรือการ
ที่เชื่อว่าคนดีหรือคนศอลิหฺที่เสียชีวิตไปแล้วจะสามารถให้ความ
ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้กับคนที่มีชีวิตอยู่ได้ อัลลอฮฺตรัสว่า
ความว่า “และพระเจ้าของเจ้าบัญชาว่า พวกเจ้าอย่าเคารพภักดี
ผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้น” [สูเราะฮฺอัล-อิสรออ์ อายะฮฺที่ 23]
- การขอพร ขอดุอาอ์จากผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺ
เช่น จากนบี มลาอิกะฮฺ ญิน ชัยฏอน คนตาย รูปเจว็ด รูปปั้น
รูปภาพ หรือสิ่งถูกสร้างที่ประหลาด เช่น วัวสองหัว ควายห้าขา
เป็นต้น แม้ว่าคนที่เสียชีวิตไปแล้วจะเป็นคนดีหรือคนศอลิหฺแค่
5
ไหนหรือแม้แต่เป็นนบีก็ตามก็ถือว่าเป็นชิริกเช่นที่ร้ายแรง
เช่นเดียวกัน อัลลอฮฺตรัสว่า
ความว่า “หรือผู้ใดเล่าจะตอบรับผู้ร้องทุกข์ เมื่อเขาวิงวอนขอต่อ
พระองค์ และทรงปลดเปลื้องความชั่วร้ายนั้น และทรงทำให้
พวกเจ้า เป็นผู้ปกครองแผ่นดิน จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอ
ฮฺอีกหรือ ? ส่วนน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้าจะใคร่ครวญ” [สูเราะฮฺ
อัน-นัมลฺ อายะฮฺที่ 62]
บางคนถึงขั้นที่นำเอาชื่อของคนดี โต๊ะครูหรือโต๊ะวลี
หรือแม้แต่ท่านนบีมุฮัมมัดมาใช้จนติดปากไม่ว่าเขาจะนั่งจะยืน
หรือเวลาที่ตกใจหรือประสบกับสิ่งไม่คาดฝันหรือเจอกับปัญหา
หรือเกิดอุบัติเหตุหรือความยากลำบากต่างๆเช่น บางคนจะ
กล่าวว่า โอ้มุฮัมมัดเวลาหกล้มบางคนจะกล่าวว่าโอ้แม่ข้า โอ้พ่อ
ข้า โอ้อาลี โอ้ฮุเซ็น โอ้ฟาฏิมะฮฺ หรือบางคนเชื่อว่าหมอคนนั้นล่ะ
ที่ทำให้หายป่วย ถ้าไปหาหมอคนอื่น ไม่หายแน่ ต้องคนนี้คน
เดียว เป็นต้น อัลลอฮฺตรัสว่า
ความว่า “แท้จริงบรรดาผู้ที่พวกเจ้าวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮฺนั้น
คือ ผู้ที่เป็นบ่าวเยี่ยงพวกเจ้านั้นเอง จงวิงวอนขอต่อพวกเขาเถิด
แล้วจงให้พวกเขาตอบรับพวกเจ้าด้วย หากพวกเจ้าเป็นผู้พูด
จริง” [สูเราะฮฺอัล-อะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 194]
อย่างไรก็ตามการขอความช่วยเหลือ ขอความคุ้มครอง
หรือขอให้พ้นภัยต่อผู้อื่นจากอัลลอฮฺ หมายถึงขอในสิ่งที่เกิน
ขอบเขตของคนผู้นั้น หรือสิ่งนั้นจะกระทำให้ได้ แต่การขอความ
ช่วยเหลือคนอื่นจากอัลลอฮฺ ที่ศาสนาอนุญาตคือขอในสิ่งที่อยู่
ในความสามารถของความเป็นมนุษย์ เช่น ช่วยยกของหน่อย
ช่วยเฝ้าบ้านให้หน่อย แต่การขอที่อยู่นอกเหนือความสามารถ
ของมนุษย์เช่น ขอจากหมอให้มีลูก ขอให้หมอทำให้หายป่วย
เหล่านี้ถือเป็นชิริก เพราะผู้ที่ประทานลูก ผู้ทรงรักษาจากความ
เจ็บป่วยคือพระองค์อัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น
7
- เฏาะวาฟกุโบรฺ ก็ถือเป็นชิริกเช่นกัน จนถึงขั้นที่บาง
คนจะทำการของผู้ที่ตนเองคิดว่าเป็นคนดีคนศอลิหฺหรือเป็นโต๊ะ
ครูผู้มีความรู้หรือโต๊ะวลี ยืนเคารพกุโบรฺด้วยความคุชูอฺ นอบ
น้อมต่ำต้อยต่อหน้ากุโบรฺ บางคนเอาใบหน้าไปสัมผัสกับกุโบรฺ
หรือแม้แต่สุญูดต่อกุโบรฺ โดยอ้างว่าเป็นการแสวงหาบารอกัตแต่
ไม่ได้เคารพบูชาแต่อย่างใด บางคนจะลูบเช็ดกุโบรฺ จูบกุโบรฺ
เสมือนว่าเป็นหินดำที่กะอฺบะฮฺ บางคนจะโกนหัวต่อหน้ากุโบรฺ
เสมือนว่าไปทำหัจญ์หรืออุมเราะฮฺ จนถึงขั้นที่ได้มีการแต่ง
หนังสือตำรับตำราในหัวข้อ “การทำหัจญ์ที่กุโบรฺและหลุมฝังศพ
บรรดาวลี” เพราะพวกเขาเชื่อว่า บรรดาวลีสามารถควบคุมดูแล
สิ่งต่างๆในจักรวาล สามารถให้คุณให้โทษได้ทั้งๆที่อัลลอฮฺได้
ตรัสว่า
ความว่า “และหากอัลลอฮฺจะทรงให้ทุกข์ภัยประสบแก่เจ้าแล้ว
ก็ไม่มีผู้ปลดเปลื้องมันได้นอกจากพระองค์ และหากพระองค์
ทรงปรารถนาความดีแก่เจ้าแล้ว ก็จะไม่มีผู้ใดกีดกันความโปรด
8
ปรานของพระองค์ได้ พระองค์ทรงให้ประสบแก่ผู้ที่พระองค์ทรง
ประสงค์จากปวงบ่าวของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอภัย
โทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ” [สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 107]
บางคนถึงขั้นที่ขอดุอาอฺต่อกุโบรฺให้หายป่วย ให้ได้ลูก
ให้ได้ริซกีทรัพย์สินเงินทอง บางคนจะกล่าวต่อกุโบรฺว่า โอ้ท่าน
ฉันจากบ้านมาไกลมาหาท่าน ขอท่านจงอย่าได้ทำให้ฉันผิดหวัง
เลย ทั้งๆ ที่อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
ความว่า “และใครเล่าจะหลงทางมากไปกว่าผู้ที่วิงวอนขออื่น
จากอัลลอฮฺที่มันจะไม่ตอบรับ ) การวิงวอนของ (เขาจนถึงวันกิ
ยามะฮ์ และพวกมันเฉยเมยต่อการวิงวอนขอของพวกเขา” [สู
เราะฮฺอัล-อะหฺกอฟ อายะฮฺที่ 5]
ท่านนบีมุหัมมัดก็ยังได้เตือนมิให้กระทำเหล่านี้เพราะ
จะทำให้คนๆ นั้นต้องตกนรก
“ผู้ใดที่เสียชีวิตในสภาพที่เขาดุอาอฺต่อสิ่งภาคีอื่นนอกจากอัลลฮฺจะตกนรก” [บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ]
- การนะซัรหรือการบนบานต่อสิ่งอื่นนอกจาก
อัลลอฮฺ ก็ถือเป็นอีกตัวอย่างของการทำชิริก เช่นบางคนกล่าว
ว่า ถ้าฉันหายป่วยฉันจะเชือดแพะให้กับโต๊ะตะเกี่ย ถ้าฉันสอบ
ผ่านฉันจะถือศีลอดให้กับกุโบรฺนั้นกุโบรฺนี้ ถ้าฉันสมัครงานได้ฉัน
จะถวายของให้กับเจ้าที่นั้น ทั้งๆที่ท่านนบีได้กล่าวว่า
“ผู้ใดได้บนบานที่จะฏออัต )เชื่อฟัง (อัลลอฮฺเขาก็จงฏออัต
พระองค์เถิด และผู้ใดได้บนบานที่จะฝ่าฝืนพระองค์เขาจง
อย่าได้ฝ่าฝืนพระองค์” [บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ]
เศาะหาบะฮฺท่านหนึ่งได้ถามท่านนบีว่า
“โอ้ท่านรอสูล แท้จริงฉันได้บนบานว่าหากลูกของฉันที่เกิดมา
เป็นเด็กชาย ฉันจะเชือด ณ สถานที่ที่ชื่อบุวานะฮฺ ซึ่งแพะหลาย
10
ตัว ) มีรายงานว่า 50 ตัว (” ท่านนบีจึงได้ถามเขาว่า “สถานที่นั้น
มีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเจว็ดไหม ?เขาตอบว่า “ไม่มี” ท่านนบีจึงได้
กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าจงปฏิบัติในสิ่งที่เจ้าได้บนบาน
ต่ออัลลอฮฺให้สมบูรณ์เถิด” [บันทึกโดยอบูดาวูด]
- การเชือดสัตว์พลีเพื่อถวายให้สิ่งอื่นจากอัลลอฮฺ
ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของชิริกซึ่งเป็นการตั้งภาคีที่ร้ายแรง
เนื่องจากการเชือดนั้นถือเป็นอิบาดะฮฺอย่างหนึ่งดังนั้นอัลลอฮฺ
จึงไม่อนุญาตให้มุสลิมเชือดสัตว์ถวายสิ่งอื่นนอกจากพระองค์
ถึงแม้ว่าจะเชือดด้วยการกล่าวบิสมิลลาฮฺ )ด้วยพระนาม
ของอัลลอฮฺ (ก็ตาม ดังที่พระองค์ได้บัญชาท่านนบีว่า
ความว่า "ดังนั้นเจ้าจงละหมาดเพื่อพระเจ้าของเจ้า และจงเชือด
สัตว์พลี)เพื่อพระองค "( [สเู ราะฮฺ อัล-เกาษัรฺ อายะฮฺที่2 ]
หมายความว่า จงเชือดเพื่ออัลลอฮฺเท่านั้นและด้วยพระ
นามของพระองค์เท่านั้น นอกจากนี้ผู้ที่เชือดเพื่อสิ่งอื่นจะ
ประสบการการสาปแช่งจากอัลลอฮฺ ดังที่ท่านนบีได้กล่าวว่า
“และอัลลอฮฺจะทรงสาปแช่งผู้ที่เชือดสัตว์เพื่อสิ่งอื่นนอกจาก
อัลลอฮฺ” [บันทึกโดยมุสลิม]
ตัวอย่างของการเชือดที่เป็นชิริกในสมัยญาฮิลิยะฮฺและ
ถูกสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันคือการเชือดถวายให้ญิน เช่นบาง
คนเมื่อปลูกบ้านใหม่ หรือซื้อรถใหม่ เขาจะเชือดสัตว์ตรงบันใด
บ้านหรือตรงประตูเพราะเชื่อว่าสามารถป้องกันอันตราย
จากญินได้
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการกระทำชิริกที่ค่อนข้างชัดเจน ดูได้
สังเกตได้ไม่ยากนัก แต่มีตัวอย่างของชิริกบางประการที่ผู้คน
มากมายในสังคมมองไม่รู้ว่าชิริก หรือมองไม่ออก หรือไม่
นึกว่าจะชิริก ทั้งๆที่สิ่งเหล่านี้ถือเป็นชิริกที่มีความร้ายแรงไม่แพ้
กัน เช่น
- การเปลี่ยนบทบัญญัติของอัลลอฮฺจากฮะรอมให้
เป็นฮาลาลและจากฮาลาลให้เป็นฮะรอม เป็นอีกหนึ่ง
รูปแบบของการกระทำที่เป็นชิริกคือหรือความเชื่อที่ว่ามีผู้อื่น
12
นอกจากอัลลอฮฺที่มีสิทธิในการบัญญัติเรื่องฮาลาลฮะรอมหรือ
การมอบให้ศาลและกฎหมายของมนุษย์เป็นตัวตัดสินปัญหา
ด้วยความยินยอมเต็มอกเต็มใจและมิได้ถูกบังคับแต่อย่างใด
พร้อมกับเชื่อว่าการกระทำนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง อัลลอฮฺได้ทรงระบุ
รูปแบบการกุโบรนี้ในอายะฮฺต่อไปนี้
ความว่า “พวกเขา )ยิวและคริสต์ (ได้ยึดเอาบรรดานักปราชญ์
ของพวกเขา และบรรดาบาทหลวงของพวกเขาเป็นพระเจ้าอื่น
จากอัลลอฮฺ " [สูเราะฮฺอัต-เตาบะฮฺ อายะฮฺที่31 ]
ซึ่งเศาะหาบะฮฺท่านหนึ่งที่เชื่ออะดิยฺ บิน หาติมเมื่อได้
ยินท่านนบีอ่านอายะฮฺนี้ ก็กล่าวถามท่านนบีว่า “พวกเขา
)หมายถึงพวกยิวและคริสต์ (มิได้เคารพสักการะบรรดานักบุญ
และบาทหลวงของพวกเขาแต่อย่างใด” แต่ท่านนบีได้ตอบว่า
"ไม่ใช่ได้อย่างไร ในเมื่อบรรดานักบุญเหล่านั้นได้บัญญัติสิ่ง
ที่อัลลอฮฺได้บัญญัติว่าฮะรอมให้เป็นฮาลาล และบัญญัติสิ่ง
ที่อัลลอฮฺได้บัญญัติว่าฮาลาลให้เป็นฮะรอม และนั่นคือการ
เคารพสักการะพวกเขา”
13
[บันทึกโดยอัต-ติรมิซียฺและอัลบัยฮะกียฺ เชคอัลบานียฺบอกว่า
เป็นหะดีษหะสัน]
นอกจากนี้อัลลอฮฺยังได้ระบุลักษณะของบรรดามุชริกีน
)ผู้ที่ทำชิริก(ว่า
ความว่า “และพวกเขาไม่งดเว้นสิ่งที่อัลลอฮฺและร่อสูลห้ามไว้
และไม่ปฏิบัติตามศาสนาแห่งความสัจจะ " [สูะเราะฮฺอัต-
เตาบะฮฺ อายะฮฺที่29 ]
- เชื่อว่ามีกฎหมายอื่นหรือธรรมนูญอื่นเหมือนกัน
หรือดีกว่ากฎหมายของอัลลอฮฺ หรือเชื่อว่าอนุญาตให้ใช้
กฎหมายอื่นแทนกฎหมายของอัลลอฮฺได้ หรือตั้งใจ )โดยมิได้ถูก
บังคับ (บัญญัติกฎหมายที่ขัดแย้งกับอัลกุรอานหรือหะดีษของ
ท่านนบี หรือผู้ที่ปฏิบัติตามกฎหมายใดๆที่ขัดกับกฎหมาย
ของอัลลอฮฺด้วยความเต็มใจและพึงพอใจ หรือผู้ที่เรียกร้องไม่ให้
ใช้กฎหมายของอัลลอฮฺ แม้ว่าจะเป็นบทบัญญัติเดียว เช่น สตรี
ที่เรียกร้องให้แบ่งมรดกเท่าๆกันหนึ่งต่อหนึ่งส่วนระหว่างชายกับ
14
หญิง หรือเรียกร้องให้บัญญัติกฎหมายห้ามมิให้ผู้ชายมีภรรยา
มากกว่าหนึ่งคน หรือไม่เห็นด้วยและคัดค้านบทบัญญัติที่อัล
ลอฮฺอนุญาตให้ชายแต่งงานได้ 4คน หรือคัดค้านกฎหมายการ
ประหารผู้ทำผิดประเวณีด้วยการขว้างจนตาย เหล่านี้ถือเป็นชิ
ริก
อีกหนึ่งตัวอย่างของชิริกที่มองไม่เห็นแต่มีความ
อันตรายมาก คือ ผู้ที่ทำอิบาดะฮฺเพื่อผลประโยชน์ทางดุนยา ให้
คนชม หรือเพื่อให้คนเชื่อถือ หรือเพื่อให้ได้แต่งงาน หรือให้ได้
ตำแหน่ง เพียงเท่านั้น แต่ไม่คิดทำเพื่ออัลลอฮฺเลยแม้แต่น้อย
นี่เป็นเพียงบางตัวอย่างของการทำชิริกรูปแบบต่างๆ ที่
มีอยู่ในสังคมมุสลิม อันที่จริงถ้าเรามองดูในสังคม ยังมีอีก
หลากหลายการกระทำที่เป็นชิริกหรืออย่างน้อยก็เป็นหนทาง
ไปสู่การทำชิริก เราต้องระมัดระวัง บอกกล่าว ตักเตือนตัวเรา
ครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง ลูกหลาน เพื่อนฝูง ให้ห่างไกล ไม่ไปยุ่ง
ไม่เข้าใกล้ การทำชิริก เพราะอันตรายของชิริกนั้นคือว่ามีความ
ร้ายแรงมากที่สุดในบรรดาบาปทั้งหลาย กล่าวคือ ..
15
อันตรายของชิริก
- อัลลอฮฺจะไม่ทรงให้อภัย คนทำชิริก ในบรรดา
บาปทั้งหลายนั้นชิริกคือบาปชนิดเดียวที่อัลลอฮฺจะไม่ทรงให้
อภัยนอกจากว่าผู้ที่ทำชิริกต้องทำการเตาบัตกลับเนื้อกลับ
ตัวอย่างจริงจังและด้วยความบริสุทธิ์ใจ อัลลอฮฺตรัสว่า
ความว่า “แท้จริงอัลลอฮฺ จะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่การที่สิ่งหนึ่ง
จะถูกให้มีภาคี ขึ้นแก่พระองค์และพระองค์ทรงอภัยให้แก่สิ่งอื่น
จากนั้นสำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดให้มีภาคีขึ้น
แก่อัลลอฮฺแล้วแน่นอนเขาก็ได้อุปโลกน์บาปกรรมอันใหญ่หลวง
ขึ้น” [สูเราะฮฺอัน-นิซาอฺ อายะฮฺที่ 48]
ความว่า “แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่การที่สิ่งหนึ่ง
จะถูกให้เป็นภาคีกับพระองค์ แต่พระองค์จะทรงอภัยโทษให้ซึ่ง
16
สิ่งอื่นจากนั้นสำหรับผู้ที่พระองค์ประสงค์ และผู้ใดให้มีภาคีขี้น
แก่อัลลอฮฺแล้ว แน่นอน เขาก็ได้หลงทางไปแล้วอย่างไกล” [สู
เราะฮฺอัน-นิสาอฺ อายะฮฺที่ 116]
- ความดี ผลบุญกลายเป็นผุยผง นอกจากอัลลอฮฺ
จะไม่ให้อภัยแล้ว การงานความดีที่ทำมาแม้ว่าจะมากมาย
ใหญ่โต ขนาดไหน ก็มลายหายไปกลายเป็นผุยผงได้ ถ้าทำชิริก
ดังที่ อัลลอฮฺได้กล่าวแก่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ความว่า “และโดยแน่นอน ได้มีวะฮียฺ(วิวรณ์ (มายังเจ้า (มุหัมมัด(
และมายังบรรดาคนก่อนหน้าเจ้า ว่า หากเจ้าตั้งภาคี (กับอัลลอ
ฮฺ( แน่นอนการงานของเจ้าก็จะไร้ผล และแน่นอนเจ้าจะอยู่ในหมู่
ผู้ขาดทุน” [สูเราะฮฺ อัซ-ซุมัรฺ 65]
และอัลลอฮฺได้ตรัส ความว่า
ความว่า “และเรามุ่งสู่ส่วนหนึ่งของการงานที่พวกเขา(บรรดาผู้
ตั้งภาคี (ได้ปฏิบัติไป แล้วเราจะทำให้มันไร้คุณค่ากลายเป็น
ละอองฝุ่นที่ปลิวว่อน” [สูเราะฮฺ อัล-ฟุรกอน 23]
*****