บทความ




« إن الحسنات يذهبن السيئات »


ความดีงามย่อมลบล้างความผิดพลาดให้หมดไป


บรรดาการสรรเสริญเป็นสิทธิแด่อัลลอฮฺ ผู้ทรงอภิบาลแห่งโลก


ทั้งหลาย ขอการประสาทพรและความสันติสุขจงมีแด่ผู้นำแห่ง


บรรดานบีและรอซูลทั้งหลาย คือท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะ


ลัยฮิ วะสัลลัม


การงานดังที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ คือการปฏิบัติ (อะมัล)


ง่ายๆ แต่สามารถนำมาซึ่งรางวัลอันยิ่งใหญ่ ด้วยความเมตตา


ของอัลลอฮฺ เป็นการงานที่ผู้คนส่วนมากต่างก็ละเลย เฉยเมย ทั้งๆที่


ในนั้นมีผลบุญมากมายมหาศาลเหลือเกิน ในประการดั่งกล่าวนี้


คือ


8


1. หาโอกาสทำละหมาดในมัสยิดหะรอมทั้งสองให้มาก


รายงานจากญาบิร บิน อับดิลลาฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ว่า


ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า "ละหมาดหนึ่งๆ ในมัสยิดของฉันนี้


(หมายถึงมัสยิดอัล-นะบะวีย์ที่มะดีนะฮฺ)


ประเสริฐกว่าการละหมาดในสถานที่อื่นๆ ถึง


หนึ่งพันเท่ายกเว้นในมัสยิดอัล-หะรอม และ


ละหมาดหนึ่งๆ ในมัสยิดอัล-หะรอมนั้น


ประเสริฐกว่าการละหมาดในสถานที่อื่นๆ ถึง


หนึ่งแสนเท่า" (บันทึกโดยอะหมัดและอิบนุ


9


มาญะฮฺ รับรองความถูกต้องโดยอัล-อัลบานีย์)


2. การละหมาดในมัสยิดกุบาอ์


ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า


.


ความว่า "บุคคลใดได้ออกเดินทางมา(จาก


ภูมิลำเนาหรือบ้านของเขา)จนกระทั่งถึงยัง


มัสยิดหลังนี้ คือ มัสยิด กุบาอ์ แล้วได้ทำ


ละหมาดในนั้น เขาย่อมได้รับ(ผลบุญ)เท่ากับ


การทำอุมเราะฮฺครั้งหนึ่ง" (บันทึกโดย อะห์มัด,


อัต-ติรมิซีย์, อัน-นะซาอีย์ และอิบนุมาญะฮฺ,


รับรองความถูกต้องโดย อัล-อัลบานีย์)


3. ทำละหมาดซุนนะฮฺฎุหาเป็นประจำ


10


ซึ่งเวลาที่ถือว่าประเสริฐที่สุดสำหรับการทำละหมาดฎุหาก็


คือยามสายตอนที่ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงและขณะเริ่มอากาศร้อนจัดดัง


หะดีษหนึ่งที่ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า





"การละหมาดของบรรดาผู้กลับตนสู่อัลลอฮฺ


อย่างแท้จริงก็คือ ขณะที่บรรยากาศร้อนจัด"


(บันทึกโดยมุสลิม)


4. หมั่นกล่าวคำลุแก่โทษ(อิสติฆฺฟาร)ให้พี่น้องมุสลิม


เช่นดุอาอ์ที่ว่า





ความว่า "โอ้อัลลอฮฺทรงโปรดอภัยให้แก่บรรดา


ผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธาหญิง รวมทั้ง


11


บรรดามุสลิม และบรรดามุสลิมะฮฺทั้งหลายทั้ง


ที่มีชีวิตอยู่และที่ล่วงลับไปแล้ว"


ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม สอนไว้ว่า





ความว่า "บุคคลใดขอการอภัยโทษให้แก่


บรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธาหญิง


อัลลอฮฺย่อมทรงบันทึกให้แก่เขาซึ่งความดีงาม


หนึ่งด้วยผู้ศรัทธาชายและผู้ศรัทธาหญิงแต่ละ


คนนั้น" (บันทึกโดย อัฏ-เฏาะบะรอนีย์)


5. การทำอิบาดะฮฺในค่ำคืนของลัยละตุลก็อดรฺ


ท่านทราบไหมว่าผลบุญของการทำอิบาดะฮฺในค่ำคืนนี้มี


ความประเสริฐยิ่งกว่าการทำอิบาดะฮฺในโอกาสอื่นๆ ถึง 83 ปี กับ


อีก 3 เดือน โดยประมาณ


ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า


12





ความว่า "แท้จริงเราได้ประทานมัน(อัล-กุ


รอาน)ลงมาในคืนลัยละตุล-ก็อดรฺ, อะไรเล่าทำ


ให้เจ้าทราบว่าคืนลัยละตุล-ก็อดรฺ นั้นคืออะไร,


คืนละตุล-ก็อดร ย่อมประเสริฐกว่าหนึ่งพัน


เดือน, บรรดามะลาอิกะฮฺ และ อัร-รูห์ (ญิบรีล)


จะลงมาในคืนนั้นด้วยอนุมัติแห่งองค์อภิบาล


ของพวกเขาพร้อมด้วยทุกๆ กิจการ, คืนนั้น


เปี่ยมด้วยสันติจนกระทั่งแสงอรุณขึ้น" (สูเราะฮฺ


อัล-ก็อดร์)


6. กล่าวถ้อยคำสดุดี(ตัสบีห์)ต่ออัลลอฮฺ ให้มากๆ


เช่นคำกล่าวต่อไปนี้


13





"มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮฺ และด้วยการ


สรรเสริญแด่พระองค์ เท่ากับจำนวนของสรรพ


สิ่ง(ที่ถูกสร้าง)ของพระองค์ และเท่ากับความ


โปรดปรานของพระองค์ และน้ำ หนักแห่ง


บัลลังก์ของพระองค์ และน้ำหมึกแห่งพจนารถ


ของพระองค์


7. กล่าวดุอาอ์ขณะเข้าออกจากตลาด


ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า





(คำแปล ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ


พระองค์เดียว โดยไม่มีภาคีใดๆ ร่วมกับ


พระองค์ อำนาจการปกครองเป็นของพระองค์


และการสรรเสริญก็เป็นของพระองค์ ทรงทำให้


มีชีวิตและทรงทำให้ตายโดยที่พระองค์เองนั้น


ทรงมีชีวิตอยู่เสมอ โดยไม่มีวันตาย ความดีงาม


ทั้งหลายอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และ


15


พระองค์ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง) เช่น


นี้อัลลอฮฺย่อมทรงบันทึกความดีหนึ่งพันความดี


ให้แก่เขา และลบล้างความชั่วให้แก่เขาหนึ่งพัน


ความชั่ว และเทิดให้เขาสูงหนึ่งพันตำแหน่ง"


ในอีกสายรายรายงานหนึ่งกล่าวเพิ่มเติมว่า


"และพระองค์ทรงสร้างบ้านหลังหนึ่งให้แก่เขา


ในสวนสวรรค์" (บันทึกโดยอะหฺมัด, อัต-ติรมี


ซีย์ และคนอื่นๆ)


8. เดินทางไปทำอุมเราะฮฺในช่วงเดือนเราะมะฎอน


เนื่องการทำอุมเราะฮฺในเดือนเราะมะฎอนนี้จะมีผลบุญ


เท่ากับการทำฮัจญ์หนึ่งครั้ง ดังระบุในคำกล่าวหนึ่งของท่านเราะซูล


ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ต่ออุมมุ สินาน เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา


ที่ว่า





ความว่า "เมื่อเดือนเราะมะฎอนมาถึง เธอก็จง


ทำอุมเราะฮฺเถิด เพราะแท้จริงการทำอุมเราะฮฺ


16


ในเดือน(เราะมะฎอน)นั้น ย่อมได้ผลบุญ


เท่ากับการทำฮัจย์หนึ่งครั้ง" (บันทึกโดยอัล-


บุคอรีย์และมุสลิม)


9. ปฏิบัติในมารยาทต่างๆ ของวันศุกร์


ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า "บุคคลใดชำระ(ร่างกาย)ในวันศุกร์


แล้วได้อาบน้ำ แล้วเขาได้ไป(มัสยิด)แต่เช้าและ


ทันคุฏบะฮฺแรก และออกเดิน(ด้วยเท้า)โดยไม่ขี่


(พาหนะ) และเข้าไป(นั่ง)ใกล้ๆ กับอิหม่าม(ที่


กำลังให้คุฏบะฮฺ) แล้วเขาพยายามนั่งฟังโดยไม่


กระทำสิ่งที่เหลวไหล เขาย่อมได้รับ(ผลบุญ)


17


ด้วยทุกย่างก้าวนั้น เท่ากับผลบุญของการงาน


ทั้งปี(คือ) ผลบุญของการถือศีลอดและการยืน


ละหมาดตลอดปี" (บันทึกโดย อะหฺมัด, อบู ดา


วูด, อัต-ติรมีซีย์ และคนอื่นๆ)


10. ถือศีลอดซุนนะฮฺให้มาก


ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ส่งเสริมให้ถือศีล


อดซุนนะฮฺต่างๆ ให้มากในช่วงเวลารอบปีหนึ่งๆ โดยส่งเสริมให้ถือ


ศีลอดซุนนะฮฺในโอกาสต่างๆ ต่อไปนี้เช่น


1. ถือศีลอดในวันจันทร์และพฤหัสบดี


2. ถือศีลอดในเดือนชะอฺบาน


3. ถือศีลอด 6 วันในเดือนเชาวาล


4. ถือศีลอด 3 วันในทุกๆ เดือน


5. ถือศีลอดในวันที่ 10 ของเดือนซุลหิจญะฮฺ


6. ถือศีลอดในวันอะเราะฟะฮฺ (สำหรับบุคคลที่ไม่ได้อยู่


ในพิธีหัจญ์)


7. และการถือศีลอดในวันอาชูรออ์


ท่านเราะซูล (ศ็อลฯ) กล่าวว่า


18





ความว่า "บุคคใดถือศีลอดวันหนึ่งในหนทาง


ของอัลลอฮฺ อัลลอฮฺจะทรงให้ใบหน้าของเขา


ห่างไกลจากไฟนรกถึง(ระยะทางเท่ากับ) 70


ฤดูกาล(ของการเดินทาง)" (บันทึกโดย อัล-บุ


คอรีย์และมุสลิม)


11. ให้อาหารแก่ผู้ที่ถือศีลอด


ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า "บุคคลใดให้อาหารละศีลอดแก่ผู้ที่ถือ


ศีล อ ด ค น ห นึ่ง เ ข า ย่อ ม ไ ด้รับ ผ ล บุญ


เช่นเดียวกับ(ผู้ที่ถือ)นั้น โดยที่ผลบุญของผู้ถือ


นั้นไม่บกพร่องแต่อย่างใดๆ ไปจากเขา"


19


(บันทึกโดยอะหฺมัด, อัต-ติรมีซีย์, และอิบนุ


มาญะฮ ซึ่งรับรองความถูกต้องโดย อัล-อัล


บานีย์)


12. กลา่ วถ้อยคำ لاَ َ ح ْ و َ ل َ ولاَ ُ قوَّ َ ة إِلاَّ بِاللهِ ให้มาก


เพราะถ้อยคำ َ لا َ ح ْ و َل َ و َ لا ُ قوَّ َ ة ِ إلاَّ ِ با ِ لله ถือเป็นขุมคลัง


หนึ่งจากบรรดาขุมคลังแห่งสวนสวรรค์ ดงระบุในหะดีษหนึ่ง ซึ่ง


รายงานโดย อัล-บุคอรีย์และมุสลิม ว่าท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะ


ลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวแก่ อับดุลลอฮฺ บิน ก็อยส์ เราะฎิยัลลอฮฺ


อันฮุ ว่า





ความว่า "เอาไหมฉันจะบอกแก่ท่านถึงขุมคลัง


หนึ่งในจำนวนขุมคลังทั้งหลายของสวรรค์ ...


คือคำว่า َلا َ ح ْ و َل َ و َلا ُ قوَّ َ ة ِ إلَّا ِ با ِ لله (แปลว่า


ไม่มีความสามารถและพลังกำลังใดๆ เว้นแต่


ด้วยพระองค์อัลลอฮฺ)" (บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์)


20


13. ช่วยเหลือความเดือดร้อนของเพื่อนมนุษย์


ดังหะดีษที่ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม


กล่าวเอาไว้ตอนหนึ่งในหะดีษที่ยาวว่า





ความว่า "…และการที่ดิฉันเดินไปกับพี่น้อง


มุสลิมคนหนึ่งของฉัน เพื่อทำธุระอย่างหนึ่ง(ให้


เขา) ย่อมเป็นสิ่งที่ฉันรักยิ่งกว่าการที่ฉันทำ


เอี๊ยะอฺติกาฟในมัสยิดเดือนหนึ่งเสียอีก"


(บันทึกโดยอัฏ-เฏาะบะรอนีย์ และรับรองว่า


เป็นหะดีษหะซันโดยอัล-อัลบานีย์)


14. ละหมาดซุนนะฮฺสองร็อกอะฮฺ หลังจากตะวันขึ้น(อัล-


อิชรอก)


รายงานจากอะนัส บินมาลิก เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ กล่าวว่า


ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า


21





ความว่า "บุคคลใดได้ละหมาดยามเช้าตรู่


(หมายถึงละหมาดศุบห์)พร้อมญะมาอะฮฺ แล้ว


ได้นั่งซิกรุลลอฮฺ(รำลึกถึงอัลลอฮฺ) จนกระทั่ง


ดวงตะวันขึ้น แล้วเขาก็ลุกขึ้นทำละหมาดสอง


ร็อกอะฮฺ เขาย่อมได้รับผลบุญเท่ากับการทำ


หัจญ์และอุมเราะฮฺครั้งหนึ่ง" อะนัส เล่าว่า ท่าน


เราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าว


ว่า "(เป็นหัจญ์และอุมเราะฮฺ)ที่สมบูรณ์


สมบูรณ์ และสมบูรณ์ (กล่าวสามครั้ง)" (บันทึก


โดย อัต-ติรมีซีย์ รับรองเป็นหะดีษหะซัน


โดยอัล-อัลบานีย์)


22


15. การอุปถัมภ์เด็กกำพร้า


รายงานจากสะฮฺล์ บิน สะอัด เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ จาก


ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า "ฉันและผู้อุปถัมภ์เด็กกำพร้า(จะได้อยู่


ร่วมกัน)ในสวนสวรรค์เช่นอย่างนี้" พลางท่าน


ยกนิ้วชี้และนิ้วกลางให้ดู โดยแยกระหว่างสอง


นิ้วให้ห่างนิดหน่อย (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์)


16. ให้ความสำคัญกับการละหมาดญะนาซะฮฺ


รายงานจากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ว่า ท่าน


เราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า "บุคคลใดร่วมพิธีศพ(ญะนาซะฮฺ)


กระทั่งได้ละหมาดให้กับเขา บุคคลนั้นจะได้รับ


(ผลบุญ)หนึ่งกีรอฏ, และบุคคลใดร่วมพิธีเขา


กระทั่งเขาถูกฝัง บุคคลนั้นจะได้รับ(ผลบุญ)


สองกีรอฏ" มีผู้ถามว่า สองกีรอฏเท่ากับอะไร


เล่า? ท่านตอบว่า "เท่ากับภูเขาใหญ่สองลูก"


(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์และมุสลิม)


17. กล่าวเศาะละวาตต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ


วะสัลลัม ให้มาก


เพราะบุคคลใดกล่าวเศาะละวาตต่อท่านหนึ่งครั้ง อัลลอฮฺ


จะทรงเศาะละวาต(คือประทานเราะห์มัต)ให้แก่เขาด้วยการกระทำ


นั้นสิบครั้ง และท่านจะเป็นมนุษย์คนแรกที่มีสิทธิต่อมันที่สุดในวันกี


ยามะฮฺ และอัลลอฮฺจะทรงมอบหมายบรรดามะลาอีกะฮฺจำนวน


หนึ่งที่ท่องเที่ยวไป เพื่อนำการเศาะละวาตของอุมมะฮฺทั้งหมดไปสู่


ยังนบีของพวกเขา


24


18. ร่วมละหมาดอีชาอ์ และฟัจญร์ในญะมาอะฮฺ


ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า "บุคคลใดละหมาดอีชาอ์พร้อมญะ


มาอะฮฺ ประหนึ่งดั่งเขาได้ยืนละหมาด(กิยามุล


ลัยล์)ครึ่งคืน และบุคคลใดละหมาดศุบห์ในญะ


มาอะฮฺ ประหนึ่งดั่งเขายืนละหมาดทั้งคืน"


(บันทึกโดยมุสลิม)


19. กล่าว "ตัสบีห์ ตะห์มีด และตักบีร" หลังการละหมาด 33


ครั้ง


จากนั้นให้กล่าวคำว่า





ความว่า "ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ


องค์เดียว ไม่มีภาคีใดๆ ร่วมกับพระองค์


อำนาจการปกครองเป็นของพระองค์ และการ


สรรเสริญเป็นสิทธิแด่พระองค์ และพระองค์


ทรงมีอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง"


20. ให้การตักเตือนและเชิญชวนบุคคลต่างๆ ไปสู่อัลลอฮฺ


ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า "บุคคลใดเรียกร้องไปสู่ทางนำ เขาผู้


นั้นย่อมได้รับผลบุญ เช่นผลบุญของบรรดาผู้ที่


ปฏิบัติตามเขา โดยไม่มีสิ่งใดๆ บกพร่องไปจาก


ผู้ที่ปฏิบัติความดีนั้นเลยแม้แต่น้อย และบุคคล


26


ใดเรียกร้องไปสู่ทางผิดเขาผู้นั้นย่อมได้รับ


ความผิดบาป เช่นความผิดบาปของบรรดาผู้ที่


ปฏิบัติตามเขา โดยไม่มีสิ่งใดๆ บกพร่องไปจาก


เขา(หมายถึงจากผู้กระทำบาปนั้น)เลยแม้แต่


น้อย" (บันทึกโดยมุสลิม)


21. ละหมาดซุนนะฮฺ 4 ร็อกอะฮฺก่อนละหมาดอัศริ


ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า "ขออัลลอฮฺทรงโปรดเมตตาแก่บุคคล


หนึ่งๆ ที่เขาละหมาด(สุนัตเราะวาติบ)ก่อน


ละหมาดอัศริสี่ร็อกอะฮฺ" (บันทึกโดยอบู


ดาวูด และอัต-ติรมีซีย์)


สี่ร็อกอะฮฺดังกล่าวหมายถึงมีสองสลาม คือปฏิบัติ


หลังจากอะซานอัศริแล้วหรือก่อนละหมาดอัศริจะเริ่มขึ้น


27


22. เยี่ยมคนป่วย


ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า "บุคคลใดเยี่ยมผู้ป่วยคนหนึ่งถือว่า


เขายังอยู่ในส่วนหนึ่งของสวนสวรรค์" มีผู้ถาม


ว่า "สวนของสวรรค์นั้นคืออะไรเล่า?" ท่านตอบ


ว่า "คือสิ่งที่สามารถให้ผลไม้ของมัน(หมายถึง


ผลบุญที่เขาจะได้รับ)" (บันทึกโดยมุสลิม) ใน


อีกหะดีษหนึ่งของอัต-ติรมีซีย์ระบุตอนหนึ่งว่า


"มลาอิกะฮฺจำนวนเจ็ดหมื่นท่าน จะคอยขอ


กล่าวอิสติฆฟารให้แก่เขา"


23. การถือศีลอด, การติดตามญะนาซะฮฺ, เยี่ยมคนป่วยและ


ให้อาหารคนยากจน


28


หากประการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นร่วมกันในตัวของมุสลิมคน


หนึ่งๆ ภายในวันหนึ่งๆ เขาย่อมได้เข้าสู่สวนสวรรค์อย่างแน่นอน


ด้วยความเมตตาของอัลลอฮฺ (อินชาอัลลอฮฺ) ้เช่นที่เกิดขึ้นกับอบู


บักร์ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เป็นตัวอย่างมาแล้วในประวัติศาสตร์


กระทั่งท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวถึงไว้ในหะ


ดีษอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ตอนหนึ่งว่า





ความว่า "(สิ่งดังกล่าว)มิได้รวมอยู่ในคนๆเดียว


ได้ นอกจาก(ทำให้ผู้นั้น)เข้าสู่สวนสวรรค์"


(บันทึกโดยมุสลิม)


24. ไกล่เกลี่ยให้เกิดการปรองดองในระหว่างผู้คน


อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า





ความว่า "ไม่มีความดีใดๆ ในการพูดซุบซิบ


ส่วนมากของพวกเขา นอกจากผู้ที่ใช้ให้ทำทาน


หรือให้ทำสิ่งที่ดีงามหรือให้ ประนีประนอม


ระหว่างผู้คนเท่านั้น..." (สูเราะฮฺ อัน-นิสาอ์ อา


ยะฮฺที่ 114)


นอกจากนี้ยังปรากฏหะดีษอีกมากมายที่ระบุถึงความดี


งามอันยิ่งใหญ่ของงานดังกล่าวนี้ ซึ่งมิอาจระบุไว้ทั้งหมดในที่นี้ได้


25. กล่าวถ้อยคำต่อไปนี้ให้มากๆ คือ





ความว่า "มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮฺ การ


สรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺ และไม่มีพระเจ้าอื่น


ใดนอกจากอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺทรงยิ่งใหญ่


ที่สุด"


มันคือสิ่งประเสริฐที่สุดกว่าสิ่งต่างๆ ในวันที่ดวงอาทิตย์โผล่


ขึ้นมา ดังใจความอีกหะดีษหนึ่ง ซึ่งบันทึกโดยมุสลิมที่ท่านเราะซูล


30


ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า มันคือคำกล่าวที่อัลลอฮฺ


ทรงรักที่สุด


26. ทบบวนสูเราะฮฺ อัล-อิคลาศ อยู่บ่อยครั้ง


ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ถือว่าสูเราะฮฺนี้


เทียบเท่ากับหนึ่งในสามของอัลกรุอาน ในด้านผลบุญและสาระ


ความหมาย ทั้งนี้เพราะสูเราะฮฺนี้ประกอบไปด้วยเตาฮีดของอัลลอฮฺ


และการยอมรับถึงความยิ่งใหญ่พร้อมความบริสุทธิ์ของพระองค์


ดังวจนะของท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม


ที่ว่า





ความว่า " กุลฮุวัลลอฮุอะหัด (สูเราะฮฺ อัล-อิ


คลาศ) เทียบเท่าหนึ่งในสามของอัลกรุอาน


และ กุลยาอัยยุฮัลกาฟิรูน (สูเราะฮฺ อัล-กาฟิ


รูน) เทียบเท่าหนึ่งในสี่ของอัล-กรุอาน" (บันทึก


31


โดยอัฏ-เฏาะบะรอนีย์ ยืนยันความถูกต้องโดย


อัส-สุยูฏี และ อัล-อัลบานีย์)


27. การบริจาคทานถาวร (ญารียะฮฺ)


เช่นมีส่วนช่วยเหลือในการสร้างมัสยิด บ่อน้ำ โรงเรียน


สถานสงเคราะห์ หรือสถานสอนศาสนาที่ถูกต้อง อบรมขัดเกลา


และปลูกฝังมารยาทแบบอิสลามให้แก่เยาวชน


ในที่นี้รวมถึงการพยายามอบรมสั่งสอนบุตรหลานให้เป็น


คนดีด้วย ทั้งนี้เพราะมนุษย์คนใดก็ตามที่จบชีวิตลง การงานของ


เขาก็ขาดสะบั้นลงนอกจากสามประการซึ่งในจำนวนนั้นก็คือ บุตรที่


ดี(ศอลิห์)ที่คอยขอดุอาอ์ให้แก่เขา


นอกจากนี้ยังรวมถึงการเผยแพร่สิ่งตีพิมพ์ หนังสือศาสนา


ม้วนเทปที่มีประโยชน์ และวัตถุปัจจัยต่างๆ ในการก่อตั้งสำนักงาน


เพื่อการดะวะฮฺและชี้นำอิสลาม หรือมูลนิธิเพื่อการสงเคราะห์ต่างๆ


เป็นต้น


28. ละหมาดซุนนะฮฺสี่ร็อกอะฮฺก่อน, และสี่ร็อกอะฮฺหลังจาก


ละหมาดซุฮริ


32


รายงานจากอุมมุ หะบีบะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา กล่าวว่า


ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า "บุคคลใดรักษาสี่ร็อกอะฮฺก่อน


ละหมาดซุฮริ และสี่ร็อกอะฮฺ หลังจากนั้น


อัลลอฮฺจะทรงทำ ให้เขาเป็นของต้องห้าม


สำหรับไฟนรก(คือปกป้องเขาจากไฟนรก)"


(บันทึกโดยอบู ดาวูด และอัต-ติรมีซีย์)


ในที่นี้หมายถึงสี่ร็อกอะฮฺของสุนัตเราะวาติบก็อบลียะฮฺ


โดยละหมาดให้สลามสองครั้ง หลังจากอาซานซุฮริแล้ว หรือก่อน


ละหมาดฟัรฎู และสี่ร็อกอะฮฺเราะวาติบบะอฺดียะฮฺ โดยให้สลาม


สองครั้งเช่นกัน


29. การละหมาดกียามุลลัยล์ การให้สลามและการเลี้ยง


อาหาร


33


รายงานจากอับดุลลอฮฺ บิน สลาม เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ


แท้จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า "โอ้บรรดามนุษย์เอ๋ย จงโปรยสลาม


จงเลี้ยงอาหาร และจงละหมาดยามค่ำคืน


ขณะที่ผู้คนทั้งหลายนอนหลับอยู่ แล้วพวกท่าน


จะได้เข้าสู่สวรรค์ด้วยความสันติ" (บันทึก


โดยอัต-ติรมีซีย์)


และท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าว


อีกว่า





ความว่า "การละหมาดที่ประเสริฐที่สุด


รองลงมาจากละหมาดฟัรฎูนั้นก็คือ ละหมาด


ยามค่ำคืน(กิยามุลลัยล์)" (บันทึกโดยมุสลิม)


34


30. กล่าวดุอาอ์หลังรับอาซานแล้ว


ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า บุคคลใด


กล่าวดุอาอฺหลังจากได้ยินอะซานว่า





ความว่า "โอ้อัลลอฮฺ ผู้ทรงอภิบาลแห่งการ


เรียกร้องอันสมบูรณ์นี้ และการละหมาดที่ดำรง


อยู่ขอพระองค์ทรงโปรดนำการเป็นสื่อ (วะซี


ละฮฺ) และความประเสริฐให้แก่มุฮัมมัด และ


ทรงโปรดแต่งตั้งตำ แหน่งอันมีเกียรติ ซึ่ง


พระองค์ทรงสัญญาไว้ให้แก่ท่านด้วยเถิด"


ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม บอกว่า


"แล้วการช่วยเหลือ(ชะฟาอะฮฺ) ของฉันก็จะ


ได้แก่เขาในวันกียามะฮฺ" (บันทึกโดยอัล-บุคอ


รีย์)


35


31. การอ่านและการท่องจำอัลกรุอานให้มาก


อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า





ความว่า "แท้จริงบรรดาผู้อ่านคัมภีร์ของอัลลอ


ฮฺ และดำรงการละหมาด และบริจาคสิ่งที่เรา


ได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเขาโดยซ่อนเร้น


และเปิดเผย เพื่อหวังการค้าที่ไม่ซบเซา


(ขาดทุน)" (สูเราะฮฺ ฟาฏิร อายะฮฺที่ 29)


และจากการรายงานของอิบนุ มัสอูด เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ


กล่าวว่า ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า


ความว่า "บุคคลใดอ่านอักษรหนึ่งๆ จากคัมภีร์


ของอัลลอฮฺ (หมายถึงอัลกรุอาน) เขาย่อม


ได้รับความดีหนึ่ง ซึ่งความดีนั้นเท่ากับ สิบ


ความดี ฉันมิได้กล่าวว่า อะลีฟ-ลาม-มีม


นับเป็นอักษรหนึ่ง(แต่) อลิฟ คืออักษรหนึ่ง


ลาม คืออักษรหนึ่ง และ มีม คืออักษรหนึ่ง"


(บันทึกโดย อัต-ติรมีซีย์ ท่านกล่าวว่าเป็นหะ


ดีษ หะซันเศาะฮีหฺ)


32. รำลึกถึงอัลลอฮฺให้มาก


ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า "เอาไหมล่ะ ฉันจะบอกพวกท่านถึง


กิจการงานหนึ่งที่ดีที่สุด และสะอาดที่สุดจาก


กิจการทั้งหลายของพวกท่าน ณ พระเจ้าของ


พวกท่าน และสูงส่งที่สุดในตำแหน่งของพวก


ท่าน ซึ่งดีสำหรับพวกท่านยิ่งไปกว่าการบริจาค


เงินทอง และดีสำหรับพวกท่านยิ่งไปกว่าการ


เผชิญหน้ากับศัตรู แล้วพวกท่านฟาดคอโจมตี


พวกเขาและพวกเขาฟาดคอพวกท่านเสียอีก?"


พวกเราตอบว่า "เอาสิ" ท่านตอบว่า "คือการ


รำลึกต่ออัลลอฮฺ ตะอาลา"(บันทึกโดย อัต-ติรมี


ซีย์)



กระทู้ล่าสุด

ความแข็งกระด้างของหัว ...

ความแข็งกระด้างของหัวใจ

ข้อคดิ จากสูเราะฮอฺ ั ...

ข้อคดิ จากสูเราะฮอฺ ัล-หิจญ์รฺ อายะฮทฺ ี่ ๔๕

ห้ามเยาะเย้ยดูถูกผู้อ ...

ห้ามเยาะเย้ยดูถูกผู้อื่น

ความวุ่นวายและการทดสอ ...

ความวุ่นวายและการทดสอบ แห่งโลกดุนยา