ความแข็งกระด้างของหัวใจ
ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์
๒Tแปล๒Tโดย 2T:2T อัฟนาน เพ็ชรทองคำ
ตรวจทานโดย : อัสรัน นิยมเดชา
ที่มา : หนังสือ อัด-ดุร็อรฺ อัล-มุนตะกอฮฺ มิน อัล-กะลีมาต อัล-มุลกอฮฺ
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
ความแข็งกระด้างของหัวใจ
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ขอความสุขความจำเริญ
และศานติจงประสบแด่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ฉันขอปฏิญาณว่าไม่
มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีใดๆ
สำ หรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่ามุหัมมัดเป็นบ่าว
ของอัลลอฮฺและเป็นศาสนทูตของพระองค์
ส่วนหนึ่งจากการลงโทษที่ยิ่งใหญ่ซึ่งบ่าวจะถูกทดสอบ
คือ ความแข็งกระด้างของหัวใจ ท่านอิบนุ มันซูร กล่าวว่า
“ความแข็งกระด้างในหัวใจ คือการหายไปของความอ่อนโยน
ความเมตตา และความอ่อนน้อม” (ลิสานุลอะร็อบ 15/181)
ท่านอัล-กุรฏุบีย์ กล่าวว่า “ความกระด้าง คือความ
หยาบ และความแห้งแล้งของจิตใจ อันหมายถึงจิตใจที่
ปราศจากความนอบน้อมยอมรับ และยอมจำนนต่อสัญญาณ
ต่างๆ ของอัลลอฮฺตะอาลา (อัล-ญามิอฺ ลิอะหฺกามิลกุรอาน
2/204)
4
อัลลอฮฺตรัสว่า
ความว่า “ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาที่หัวใจ
ของเขาจะนอบน้อมสู่การรำลึกถึงอัลลอฮฺ และสิ่งซึ่งมีลงมาคือ
ความจริง พวกเขาอย่าได้เป็นเช่นบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ก่อนหน้า
นี้ ช่วงเวลาเนินนานเกินไปสำหรับพวกเขา จิตใจของพวกเขาจึง
แข็งกระด้างและส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน” (สูเราะฮฺอัล-
หะดีด: 16)
ท่านอิบนุ กะษีรกล่าวว่า “อัลลอฮฺตะอาลา กล่าวในอา
ยะฮฺนี้นัยว่า ยังไม่ถึงเวลาสำหรับผู้ศรัทธาอีกหรือที่จะทำให้
หัวใจของพวกเขานอบน้อมสู่การรำลึกถึงอัลลอฮฺ กล่าวคือ ให้
หัวใจอ่อนโยนขึ้นขณะมีการรำลึกถึงอัลลอฮฺ กล่าวเตือนใจ หรือ
ขณะฟังอัลกุรอาน แล้วเขาก็จะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นพร้อมกับเชื่อ
ฟัง ปฏิบัติตาม” (ตัฟสีรอิบนิกะษีร 13/421)
5
ท่านอิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า “อัลลอฮฺทรงเตือนผู้ศรัทธาว่าการตอบสนองของหัวใจของพวกเขายังล่าช้า ดังนั้น พระองค์จึงได้ตำหนิพวกเขาในต้นปีที่สิบสามของการประทานอัลกุรอาน โดยพระองค์ตรัสความว่า 'ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาที่หัวใจของเขาจะนอบน้อมสู่การรำลึกถึงอัลลอฮฺ และสิ่งซึ่งมีลงมาคือความจริง พวกเขาอย่าได้เป็นเช่นบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ก่อนหน้านี้ ช่วงเวลาเนินนานเกินไปสำหรับพวกเขา จิตใจของพวกเขาจึงแข็งกระด้าง และส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน' ” (ตัฟสีร อิบนิกะษีร 13/421)
มีรายงานจากท่าน อิบนิ มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุกล่าวว่า “ช่วงห่างระหว่างการเข้ารับอิสลามของเรา กับการตำหนิของอัลลอฮฺด้วยอายะฮฺนี้ เป็นระยะเวลาเพียงสี่ปี” (บันทึกโดยมุสลิม หะดีษเลขที่: 3027)
หากอัลลอฮฺทรงเตือนบรรดาเศาะหาบะฮฺ ทั้งๆ ที่พวกท่านอยู่ในช่วงศตวรรษที่ดีที่สุด และเป็นผู้ที่ยืนละหมาดในยามค่ำคืน ถือศีลอดในเวลากลางวัน เป็นผู้ที่ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ และวะฮีย์ก็ถูกประทานลง ณ พวกท่านทั้งกลางวัน
6
และกลางคืน แล้วพวกเราที่ลุ่มหลงหมกมุ่นอยู่กับสีสันของดุนยาท่ามกลางฟิตนะฮฺความวุ่นวายมีกระจายอยู่ทุกที่จนทำให้พวกเราบางคนใช้ชีวิตอย่างไม่รู้จักศาสนาล่ะ จะมีสภาพอย่างไร?!
อัลลอฮฺทรงสั่งห้ามมิให้ผู้ศรัทธาเลียนแบบชาวคัมภีร์ก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือว่าชาวคริสต์ เมื่อกาลเวลาผ่านไป พวกเขาก็เปลี่ยนแปลงแก้ไขคัมภีร์ของอัลลอฮฺที่อยู่ในมือของพวกเขาแลกกับราคาอันเล็กน้อย พวกเขาทิ้งคัมภีร์ไว้เบื้องหลังอย่างไม่แยแส แล้วรับเอาความคิดและทัศนะต่างๆ ยึดถือตัวบุคคลอย่างหูหนวกตาบอดในเรื่องศาสนา พวกเขายึดนักปราชญ์และบาทหลวงของพวกเขาเป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮฺ ขณะนั้นเองหัวใจของพวกเขาจึงเริ่มแข็งกระด้าง ไม่รับคำตักเตือน และไม่อ่อนโยนลงด้วยกับสัญญาดี หรือสัญญาร้าย (ตัฟสีรอิบนิกะษีร 13/423)
นักอรรถาธิบายอัลกุรอานระบุว่า สาเหตุการกลับตัวกลับใจของ อัล-ฟุฎ็อยลฺ บิน อิยาฎ จากที่ท่านเคยเป็นโจรคอยดักปล้นสะดมคนเดินตามเส้นทางต่างๆที่ผู้คนเดินผ่าน คือการที่
7
ท่านพึงพอใจในหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งนางก็นัดแนะให้ท่านมาหาในเวลากลางคืน ขณะที่ท่านกำลังปีนกำแพงเพื่อเข้าไปหานาง พลันก็ได้ยินเสียงอ่านอัลกุรอานดังขึ้นว่า
ความว่า “ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาที่หัวใจของเขาจะนอบน้อมสู่การรำลึกถึงอัลลอฮฺ และสิ่งซึ่งมีลงมาคือความจริง” (อัล-หะดีด 16)
ท่านจึงเดินถอยหลังกลับพลางกล่าวว่า “หาใช่เช่นนั้นไม่ ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ มันถึงเวลาแล้ว!” เมื่อตกค่ำท่านก็แวะพัก ณ สถานที่ร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งท่านพบว่าที่นั่นมีคนเดินทางกลุ่มหนึ่งแวะค้างคืนเช่นเดียวกัน แล้วท่านก็ได้ยินพวกเขาพูดคุยกล่าวขานถึงอัล-ฟุฎ็อยลฺ ว่าเป็นโจรที่คอยดักปล้นสะดมผู้เดินทาง ท่านจึงกล่าวกับตนเองว่า "อะไรกันนี่? ฉันแสวงหาการฝ่าฝืนต่ออัลลอฮฺในยามค่ำคืน ในขณะเดียวกันมุสลิมก็ต่างกลัวฉัน โอ้ อัลลอฮฺ ฉันขอกลับตัวต่อพระองค์ และฉันจะอุทิศตัวเพื่อ
8
บัยติลลาฮฺเป็นสัญญาแห่งการกลับตัว” (อัล-ญามิอฺ ลิอะหฺกามิลกุรอาน 20/256)
อัลลอฮฺทรงเตือนสำทับผู้ที่หัวใจแข็งกระด้างว่าเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บแสบ และทรงแจกแจงว่าหัวใจที่แข็งกระด้างนั้นเป็นสาเหตุสู่ความหลงผิด และการปิดกั้นของหัวใจ เป็นผลให้ไม่เกรงกลัว ไม่ฟัง และไม่เข้าใจ อัลลอฮฺตรัสว่า
ความว่า “ผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงเปิดทรวงอกของเขาเพื่ออิสลาม และเขาอยู่บนแสงสว่างจากพระเจ้าของเขา (จะเหมือนกับผู้ที่หัวใจบอดกระนั้นหรือ?) ดังนั้นความวิบัติจงประสบแด่ผู้ที่หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้างต่อการรำลึกถึงอัลลอฮฺ” (สูเราะฮฺ อัซ-ซุมัร : 22)
อายะฮฺนี้เหมือนกับดำรัสของพระองค์ที่ว่า
9
ความว่า “และผู้ที่ตายแล้ว แล้วเราได้ให้เขามีชีวิตขึ้น และเราได้ให้แสงสว่างแก่เขาซึ่งเขาใช้แสงสว่างนั้นเดินไปในหมู่มนุษย์นั้น จะเหมือนกับผู้ที่อุบมาของเขาซึ่งอยู่ในบรรดาความมือโดยที่มิใช่เป็นผู้ที่จะออกมาจากบรรดาความมืดเหล่านั้นได้ กระนั้นหรือ?” (สูเราะฮฺ อัล-อันอาม : 122)
กวีท่านหนึ่งกล่าวว่า “คำเตือนกับหัวใจที่แข็งกระด้างไม่ยังประโยชน์ ดั่งเช่นฝนไม่เกิดประโยชน์กับดินเค็ม” (ดินเค็มคือ ดินที่มีธาตุเกลือปะปนอยู่สูงจนเกิดอันตรายต่อพืช เพราะรากไม่สามารถดูดน้ำได้ ทำให้ไม่มีพืชขึ้น หรือทำให้เจริญเติบโตยากในบริเวณนั้น เช่น ทะเลทรายเป็นต้น- ผู้แปล)
ท่านมาลิก บิน ดีนาร กล่าวว่า “ไม่มีการลงโทษใด จะหนักหน่วงยิ่งไปมากกว่าการมีหัวใจที่หยาบกระด้าง และเมื่ออัลลอฮฺทรงกริ้วกลุ่มชนใด พระองค์จะทรงกระชากความเมตตาออกจากหัวใจของพวกเขา”
อัลลอฮฺทรงตำหนิหัวใจที่แข็งกระด้างในคัมภีร์ของพระองค์ และบอกว่ามันเป็นสิ่งปิดกั้นการยอมรับและปฏิบัติตามสัจธรรม อัลลอฮฺตะอาลาตรัสว่า
10
ความว่า “และหลังจากนั้น หัวใจของพวกเจ้าก็แข็งกระด้าง มันประดุจหิน หรือแข็งกระด้างยิ่งกว่า และแท้จริงหินต่างๆนั้น มีส่วนที่ธารน้ำต่างๆ พวยพุ่งออกมา และแท้จริงจากหินต่างๆนั้น มีส่วนที่ปริแตกออกแล้วมีน้ำออกมาจากมัน และแท้จริงหินต่างๆ มีส่วนที่ทลายลงเนื่องจากความเกรงกลัวอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺจะไม่ทรงเผลอต่อสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน” (สูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ: 74)
จากดำรัสของอัลลอฮฺตะลาที่ว่า
جَِارَة ﴾ ٱَ ﴿ ن مِنَ ۡ
ความว่า “และแท้จริงจากบางส่วนของหินต่าง ๆ”
ท่านอิบนุอับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า “คือ มีหินบางก้อนที่อ่อนโยนกว่าหัวใจของพวกเจ้า เนื่องจากพวกเจ้าถูกเรียกร้องสู่ความจริงแต่พวกเจ้าไม่ตอบรับ”
อัลลอฮฺตะอาลาตรัสว่า
11
ความว่า “และแท้จริงเราส่งไปยังประชาชาติก่อนหน้าเจ้า และเราลงโทษพวกเขาด้วยความแร้นแค้น และความเจ็บป่วย เพื่อว่าพวกเขาจะได้นอบน้อม” (สูเราะฮฺ อัล-อันอาม : 42)
และพระองค์ตรัสว่า
ความว่า “แล้วไฉนเล่า พวกเขาจึงไม่นอบน้อม เมื่อการลงโทษของเรามายังพวกเขา แต่ทว่าหัวใจของพวกเขาแข็งกระด้าง และชัยฏอนทำให้เป็นที่สวยงามกับพวกเขาในสิ่งที่พวกเขากระทำกัน” (สูเราะฮฺอัล-อันอาม: 43)
หมายถึง เมื่อเราทดสอบพวกเขาด้วยสิ่งดังกล่าว ทำไมพวกเขาจึงไม่นอบน้อมและกลับมาพึ่งพิงเรา
คือ หัวใจไม่อ่อนโยน ไม่เกรงกลัว
12
คือ ทำให้การตั้งภาคี ความดื้อรั้น และการฝ่าฝืนเป็นสิ่งสวยงามสำหรับพวกเขา
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เป็นบุคคลที่มีหัวใจอ่อนโยนที่สุด อัลลอฮฺตรัสว่า
ความว่า “เนื่องด้วยความเมตตาจากอัลลอฮฺนั่นเอง เจ้าจึงได้สุภาพอ่อนโยนกับพวกเขา หากเจ้าเป็นผู้ประพฤติหยาบช้า และมีใจแข็งกระด้างแล้วไซร้ แน่นอนพวกเขาย่อมแยกตัวออกไปจากรอบตัวเจ้าแล้ว” (สูเราะฮฺ อาละอิมรอน: 159)
อะฏออ์ บิน ยะสาร เคยถามท่านอับดุลลอฮฺ บิน อัมรฺ บิน อัล-อาศ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ถึงคุณลักษณะของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ที่มีระบุไว้ในคัมภีร์เตารอต ท่านตอบว่า: ใช่แล้ว ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ในเตารอตมีการระบุถึงคุณลักษณะบางประการของท่าน เหมือนดังที่มีระบุไว้ในอัลกุ
13
รอาน นั่นก็คือ “โอ้นบี แท้จริงเราได้ส่งท่านมาเป็นพยาน เป็นผู้บอกข่าวดี ผู้ตักเตือน และเป็นผู้ดูแลกลุ่มชนผู้ที่ไม่รู้หนังสือ เจ้าเป็นบ่าวของข้า และเป็นศาสนทูตของข้า ข้าตั้งชื่อให้ท่านว่า อัล-มุตะวักกิล (ผู้ทำการมอบหมาย) ไม่เป็นผู้หยาบคาย รุนแรง หรือ ตะโกนโหวกเหวกในตลาด ไม่ตอบโต้สิ่งไม่ดีด้วยสิ่งไม่ดี หากแต่ด้วยการให้อภัย และอัลลอฮฺจะไม่ทรงเอาชีวิตท่านไปจนกว่าศาสนาที่คดงอจะเที่ยงตรง ด้วยการที่พวกเขากล่าวว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกกจากอัลลอฮฺ และด้วยประโยคนี้สายตาที่มืดบอด หูที่หนวก และหัวใจที่ถูกปิดทั้งหลายจะถูกเปิดขึ้น” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 3838)
ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ท่านจงอ่านอัลกุรอานให้ฉันฟังหน่อยเถิด” ฉันจึงกล่าวถามว่า “โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮฺ จะให้ฉันอ่านให้ท่านฟังทั้งๆ ที่อัลกุรอานถูกประทานลงมายังท่านกระนั้นหรือ?” ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวตอบว่า “ใช่” ฉันจึงอ่านสูเราะฮฺอัน-นิสาอ์ จนกระทั่งถึงอายะฮฺนี้
14
ความว่า “แล้วอย่างไรเล่า เมื่อเรานำพยานคนหนึ่งจากแต่ละประชาชาติมา และเรานำเจ้ามาเป็นพยานต่อชนเหล่านี้” (สูเราะฮฺ อัน-นิสาอ์: 41)
ท่านก็กล่าวว่า “พอแค่นี้” ฉันจึงเหลียวมองไปหาท่าน ก็พบว่านัยน์ตาของท่านมีน้ำตาไหลริน” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 5050 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 800)
และสิ่งหนึ่งที่ทำให้หัวใจอ่อนโยนคือ การรำลึกถึงอัลลอฮฺ และการอ่านกุรอานมาก ๆ อัลลอฮฺตะอาละตรัสว่า
ความว่า “บรรดาผู้ศรัทธา และจิตใจของพวกเขาสงบด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮฺ พึงทราบเถิด ด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮฺเท่านั้นทำให้จิตใจสงบ” (สูเราะฮฺ อัร-เราะอฺด์: 28)
และอัลลอฮฺตรัสว่า
15
ความว่า “หากเราประทานอัลกุรอานนี้ลงบนภูเขาลูกหนึ่ง แน่นอนเจ้าจะเห็นมันนอบน้อมแตกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ เนื่องเพราะความกลัวต่ออัลลอฮฺ” (สูเราะฮฺ อัล-หัชรฺ: 21)
เช่นเดียวกับการให้อาหารผู้ยากจนขัดสน และการลูบศีรษะเด็กกำพร้า ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
ความว่า “หากท่านต้องการทำให้หัวใจของท่านอ่อนโยน ก็จงให้อาหารแก่ผู้ยากจนขัดสน และลูบศีรษะเด็กกำพร้า” (บันทึกโดยอิหม่ามอะหมัด และท่านอัล-บานีย์กล่าวว่าเป็นหะดีษที่ถูกต้อง)
และการเยี่ยมหลุมศพ เยี่ยมผู้ป่วย การใช้ชีวิตอย่างสมถะกับโลกนี้ และการรำลึกถึงความตายและโลกหน้า
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
16
ความว่า “จงไปเยี่ยมเยียนหลุมศพเถิด มันจะทำให้พวกท่านนึกถึงโลกหน้า” (บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 976 และอิบนุ มาญะฮฺ หมายเลข 1569)
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
« ความว่า “พวกท่านจงรำลึกถึงสิ่งที่ตัดขาดความสุขความหอมหวานต่างๆให้มาก" (บันทึกโดย อัต-ติรมิซีย์ หมายเลข 2307) หมายถึง ความตาย
ในอีกสำนวนหนึ่งระบุว่า
ความว่า “บ่าวคนหนึ่งจะไม่นึกถึงมันในขณะที่เขามีเล็กน้อย ยกเว้นว่ามันจะทำให้เขารู้สึกมีมากมาย และเขาจะไม่นึกถึงมันขณะที่เขามั่งมียกเว้นว่ามันจะทำให้เขารู้สึกว่ามีเล็กน้อย” (บันทึกโดย อิบนุ หิบบาน หมายเลขหะดีษ 2982)
17
นักกวีท่านหนึ่งกล่าวว่า “ยาของของโรคหัวใจแข็งกระด้างมีห้าอย่าง ยึดมั่นสร้างชัยชนะ ความดี ความสำเร็จ ทำท้องโล่ง และอ่านกรุอานอย่างพินิจ หลั่งน้ำตากับความผิดยามรุ่งสาง จากนั้นคือละหมาดตอนกลางคืนส่วนหนึ่งคือตรงกลาง และการวางตัวไว้กับคนดีศรีเจริญ”