การมุ่งมั่นทำอิบาดะฮฺในสิบคืนสุดท้ายของเราะมะฎอน
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
หะดีษบทที่ 28
การมุ่งมั่นทำอิบาดะฮฺในสิบคืนสุดท้ายของเราะมะฎอน
ความว่า จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา เล่าว่าท่านรอซูล
ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม นั้น เมื่อถึงช่วงสิบวันสุดท้ายของเราะมะฎอน
ท่านจะรัดสายคาดเอวไว้แน่น(หมายถึงไม่ร่วมหลับนอนกับภรรยา) ท่านจะให้
ชีวิตแก่ค่ำคืน(หมายถึงประกอบอิบาดะฮฺในยามค่ำคืน) และท่านจะปลุก
บรรดาภริยาของท่าน(ให้ลุกขึ้นมาประกอบอิบาดะฮฺ) (รายงานโดย อัล-บุคอ
รีย์ หมายเลข 1884 และมุสลิม หมายเลข 2008)
คำอธิบายหะดีษ
ท่าน อัล-ค็อฏฏอบีย์ กล่าวว่า สำนวน “รัดสายคาดเอวไว้แน่น” หมายถึง ความจริงจังใน
การประกอบอิบาดะฮฺ หรือหมายถึง การปลีกตัวห่างจากภรรยาและประกอบอิบาดะฮฺอย่างจริงจัง
เนื่องจากมีปรากฏอยู่ในรายงานของอาศิม บิน เฎาะมุเราะฮฺว่า “ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ
วะสัลลัม ได้ผูกสายคาดเอวและปลีกตัวออกห่างจากภรรยา” ส่วนความหมายของการกิยาม(การ
ลุกขึ้นยามค่ำคืน)นั้น คือ การอดหลับในเวลากลางคืน ด้วยการประกอบอะมัลอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ
เนื่องจากการนอนหลับนั้นเป็นส่วนหนึ่งของความตาย และในรายงานของอัต-ติรมีซีย์ จากซัยนับ
บินติ อุมมุ สะละมะฮฺ มีว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เมื่อเดือนเราะมะฎอนเหลืออีก
สิบวัน ท่านก็จะปลุกสมาชิกครอบครัวของท่านทั้งหมดที่สามารถประกอบกิยามุลลัยลฺได้ให้ลุก
ขึ้นมาทำอิบาดะฮฺ (ตุหฺฟะตุลอะหฺวะซีย์ 3/508)
ท่านอิหม่าม อัน-นะวะวีย์ กล่าวว่า สุนัตให้เพิ่มการประกอบอะมัลในช่วงสิบคืนสุดท้าย
ของเราะมะฎอนให้มาก และสุนัตให้ลุกขึ้นยามค่ำคืนในสิบวันนั้นเพื่อการประกอบอิบาดะฮฺ (ชัรหุ
เศาะฮีหฺ มุสลิม 8/71)
2
บทเรียนจากหะดีษ
1. ความประเสริฐของสิบวันสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอนและความประเสริฐของค่ำคืน
ดังกล่าว
2. อะมัลของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในช่วงสิบวันสุดท้ายของเราะมะฎอน
คือการประกอบอิบาดะฮฺในยามค่ำคืนและพยายามใกล้ชิดอัลลอฮฺ (ด้วยการประกอบอิบาดะฮฺ)
3. ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะปลุกสมาชิกในครอบครัวเพื่อร่วมกันประกอบ
อะมัลอิบาดะฮฺ อันเป็นภาระหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้นำครอบครัวมุสลิม
4. ส่งเสริมให้มีความมุ่งมั่นจริงจัง อันเป็นสัญลักษณ์ของอะมัลอิสลามีย์(การทำงานเพื่อ
อิสลาม) และเป็นคุณลักษณะของมุสลิมที่มีความกระตือรือร้น
5. การร่วมกันระหว่างสามีภรรยาในการประกอบอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺนั้น เป็นสิ่งที่อิสลาม
ส่งเสริมให้มุสลิมปฏิบัติ