บทความ

เตือนไม่ให้เกียจคร้าน





ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ


เตือนไม่ให้เกียจคร้าน


มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ขอความสุข


ความจาเริญและความสันติจงประสบแด่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ฉัน


ขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียว


ไม่มีภาคีใด ๆ สาหรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่ามุหัมมัด


เป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์


หนึ่งในลักษณะนิสัยที่อัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์


รังเกียจคือ ความเกียจคร้าน


อัรรอฆิบ กล่าวว่า “ความเกียจคร้าน คือการที่บุคคล


หนึ่งทาชักช้ายืดยาดในสิ่งที่ไม่ควรจะชักช้า จึงถือเป็นเรื่องที่น่า


ตาหนิ” (อัลมุฟเราะดาต หน้า 341) เช่น การชักช้าและรู้สึกหนัก


เมื่อต้องทาละหมาด ญิฮาด ถือศีลอด หรือการงานอื่น ๆ ที่เป็น


หน้าที่พึงกระทา


ความเกียจคร้านนั้น เป็นลักษณะนิสัยของพวกกลับ


กลอก (มุนาฟิกีน) ดังที่อัลลอฮฺตะอาลาได้ตรัสไว้ว่า





ความว่า “ไม่มีสิ่งใดขัดขวางพวกเขา ในการที่บรรดาสิ่งบริจาคของพวกเขาไม่ถูกรับจากพวกเขา นอกจากพวกเขาปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺและต่อเราะสูลของพระองค์เท่านั้น และพวกเขาจะไม่มาละหมาดนอกจากพวกเขาจะมีสภาพเกียจคร้าน และพวกเขาจะไม่บริจาค นอกจากพวกเขาจะมีสภาพฝืนใจ” (อัตเตาบะฮฺ: 54)


และตรัสอีกว่า





ความว่า “แท้จริงบรรดามุนาฟิกนั้นกาลังหลอกลวงอัลลอฮฮอยู่ ขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงหลอกลวงพวกเขา และเมื่อพวกเขาลุกขึ้นไปละหมาด พวกเขาก็ลุกขึ้นในสภาพเกียจคร้านโดยให้ผู้คนเห็นเท่านั้น และพวกเขาจะไม่กล่าวราลึกถึงอัลลอฮฺ นอกจากเล็กน้อยเท่านั้น” (อันนิสาอ์: 142)


5


และพระองค์ได้ทรงเตือนบ่าวผู้ศรัทธาของพระองค์ให้ห่างไกลจากความเกียจคร้าน และการลุ่มหลงในโลกดุนยา โดยพระองค์ตรัสว่า





ความว่า “บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย มีอะไรเกิดขึ้นแก่พวกเจ้ากระนั้นหรือ? เมื่อมีผู้กล่าวแก่พวกเจ้าว่าจงออกไปต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺเถิด พวกเจ้าก็แนบหนักอยู่กับพื้นดิน พวกเจ้าพึงพอใจในชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้แทนปรโลกหรือ? สิ่งอานวยความสุขแห่งชีวิตความเป็นอยู่ในโลกนี้นั้น หากเทียบกับปรโลกแล้ว ไม่มีค่าอะไรนอกจากสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น” (อัตเตาบะฮฺ: 38)


และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ได้ขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺให้พ้นจากความเกียจคร้าน ดังที่มีรายงานบันทึกโดยมุสลิม จากหะดีษของท่านอนัส บิน มาลิก ซึ่งเล่าว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า “โอ้ผู้อภิบาลแห่งข้า ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองจากพระองค์ให้ห่างไกลจากความอ่อนแอ ความเกียจคร้าน ความขลาดกลัว ความแก่เฒ่าหลงลืม และความตระหนี่ถี่เหนียว และขอความคุ้มครองจากพระองค์ให้พ้นจากการทรมานในหลุมศพ และจากบททดสอบทั้งขณะยังมีชีวิต และหลังความตาย” (บันทึกโดยมุสลิม หะดีษเลขที่ 2706)


อิบนุลก็อยยิม เราะหิมะหุลลอฮฺ กล่าวว่า “ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ขอความคุ้มครองให้พ้นจากความอ่อนแอและความเกียจคร้าน ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้เป็นของคู่กัน ทั้งนี้ ความบกพร่องของคนเรานั้นเกิดจากสองส่วนคือ ความบกพร่องที่เกิดจากการไร้ความสามารถที่จะปฏิบัติ กรณีนี้คือความอ่อนแอ ในทางกลับกัน หากมีความสามารถแต่ไม่ต้องการที่จะปฏิบัติ เช่นนี้เรียกว่าเป็นความเกียจคร้าน ซึ่งผลที่จะตามมาของลักษณะทั้งสองนั้น คือการพลาดโอกาสที่จะทาคุณงามความดี และประสบพบเจอแต่สิ่งที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นการไม่ใช้ร่างกายให้


7


เป็นประโยชน์ ซึ่งก็คือลักษณะของความขี้ขลาด หรืองดเว้นการทาประโยชน์จากทรัพย์สินที่มี ซึ่งนั่นก็คือลักษณะของความตระหนี่ถี่เหนียว ซึ่งผลที่จะตามมาก็คือ การมีหนี้สินล้นพ้นตัว และการถูกรังแกข่มเหง ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากความอ่อนแอและความเกียจคร้านนั่นเอง” (ซาดุลมะอาด เล่ม 2 หน้า 362-364)


และท่านยังได้กล่าวไว้ในอีกบทหนึ่งว่า “บ่อเกิดของความชั่วร้ายต่าง ๆ ล้วนมาจากความอ่อนแอทั้งสิ้น เพราะหากคนเราบกพร่องไร้ความสามารถที่จะกระทาความดี และไม่สามารถหลีกห่างจากความชั่วได้ เขาย่อมตกอยู่ในความชั่วร้ายและการฝ่าฝืน ดังนั้น คากล่าวขอความคุ้มครองของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในหะดีษบทนี้จึงครอบคลุมบ่อกาเนิดของความชั่วร้ายทั้งหลาย และผลเสียต่าง ๆ ที่จะตามมา” (ซาดุลมะอาด เล่ม 2 หน้า 358)


กวีคนหนึ่งกล่าวว่า





ชีวิตเรา.. หมดไปกับความอ่อนแอและความเกียจคร้าน


ในขณะที่คนอื่นเขาไปไกลถึงไหนต่อไหน.. น่าเศร้าจริง


ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ส่งเสริมให้ประชาชาติของท่านมีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ และรีบเร่งเก็บเกี่ยวความดีต่าง ๆ พร้อมทั้งหลีกห่างจากความอ่อนแอ และความเกียจคร้าน ดังมีรายจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ซึ่งเล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า “ผู้ศรัทธาที่เข้มแข็งย่อมดีและเป็นที่รัก ณ อัลลอฮฺ มากกว่าผู้ศรัทธาที่อ่อนแอ แต่ทั้งหมดก็มีความดีงามอยู่ จงมุ่งมั่นในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวท่าน พร้อมกับขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ และอย่าได้รู้สึกอ่อนแอ เมื่อท่านประสบพบเจอปัญหาใด ก็อย่าได้กล่าวว่า หากฉันทาอย่างนั้นก็คงไม่เป็นอย่างนี้


9


แต่จงกล่าวว่า อัลลอฮฺได้ทรงกาหนดมาแล้ว สิ่งใดที่พระองค์ทรงประสงค์ ก็จะทรงทา เพราะคาว่า ‘ถ้า’ นั้นจะเป็นการเปิดช่องให้ชัยฏอนทางาน” (บันทึกโดยมุสลิม หะดีษเลขที่ 2664)


อันนะวะวีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า “ความแข็งแรงในที่นี้ หมายถึง การมีจิตใจที่เข้มแข็งและแน่วแน่ในการปฏิบัติภารกิจเพื่ออาคิเราะฮฺ โดยผู้ที่มีลักษณะดังกล่าว จะมีความฮึกเหิมและตั้งใจในการออกไปเผชิญหน้ากับข้าศึกศัตรูโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใด มีความมุงมั่นในการกาชับใช้ให้ทาความดี และห้ามปรามความชั่วร้าย มีความอดทนต่อบททดสอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะยากลาเค็ญสักเพียงใด มีความหมั่นเพียรและตื่นตัวในการดารงรักษาการละหมาด การถือศีลอด การราลึกถึงอัลลอฮฺ รวมถึงอิบาดะฮฺอื่น ๆ


ส่วนคาพูดของท่านที่ว่า “จงมุ่งมั่นในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวท่าน พร้อมกับขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ และอย่าได้รู้สึกอ่อนแอ” นั้นหมายถึง จงมุ่งมั่นและหนักแน่นในการเคารพเชื่อฟังอัลลอฮฺ และจงหมั่นขอให้พระองค์ทรงช่วยเหลือ อย่าได้รู้สึกอ่อนแอไร้กาลัง หรือเกียจคร้านในการทาความดี และการ


10


ขอความช่วยเหลือจากพระองค์” (ชัรหฺ เศาะฮีหฺมุสลิม เล่ม 6 หน้า 215)


อัลรอฆิบ อัลอัศฟะฮานียฺ กล่าวว่า “ถ้าลองใคร่ครวญเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนางมัรยัม จะเห็นว่าแม้อัลลอฮฺได้ทรงเตรียมอินทผลัมที่สุกน่ากินให้นางได้ประทังชีวิตอย่างไม่ลาบาก ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่มหัศจรรย์ยิ่ง แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังทรงใช้ให้นางเขย่าต้นอินทผลัม ดังที่พระองค์ได้ตรัสว่า





ความว่า “และจงเขย่าต้นอินทผลัมให้มันเอนมาทางตัวเธอ มั


นจะหล่นลงมาที่ตัวเธอเป็นอินทผลัมที่สุกน่ากิน” (มัรยัม :25 ” 


)อัซซะรีอะฮฺ อิลา มะการิมิชชะรีอะฮฺ หน้า 383)


ยะซีด บิน อัลมุฮัลลับ กล่าวว่า “สาหรับฉันแล้ว มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอะไร หากฉันจะได้รับความสะดวกสบายทุกอย่างในเรื่องดุนยา เพราะฉันไม่อยากจะเป็นผู้ที่เคยชินกับความอ่อนแอไร้ความสามารถจนไม่อาจทาอะไรด้วยตัวเองได้” (หนังสือเล่มเดียวกัน)


11


ความเกียจคร้านแบ่งได้เป็นสองประเภท ดังนี้


หนึ่ง ความเกียจคร้านของสติปัญญา คือการที่บุคคลหนึ่งไม่ใช้สมองไตร่ตรองใคร่ครวญในความยิ่งใหญ่และความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ดังที่พระองค์ได้ตรัสว่า





ความว่า “คือบรรดาผู้ที่ราลึกถึงอัลลอฮฺ ทั้งในสภาพยืน และนั่ง และในสภาพที่นอนตะแคง และพวกเขาพินิจพิจารณาการสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน” (อาล อิมรอน: 191)


และตรัสอีกว่า





ความว่า “จงกล่าวเถิด (มุหัมมัด) ว่า พวกท่านจงเดินไปในแผ่นดินเถิด แล้วจงดูว่าจุดจบสุดท้ายของบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นเป็นอย่างไร” (อัล อันอาม: 11)


และผลของความเกียจคร้านนี้ ทาให้เขาไม่คิดที่จะทาอะไรให้สังคมเจริญก้าวหน้าไปในทางที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการทา


12


เกษตรกรรม การค้าขาย การทาอุตสาหกรรม หรือการพัฒนาในด้านอื่น ๆ ทั้งนี้ ความล้าหลังของประชาชาติใดประชาติหนึ่งนั้น ก็ล้วนสืบเนื่องมาจากความเกียจคร้านของผู้ที่มีสติปัญญา และการไม่ใช้พลังสมองที่อัลลอฮฺทรงประทานให้ในทางที่สร้างสรรค์และเกิดประโยชน์


สอง ความเกียจคร้านของร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งผลของความเกียจคร้านนี้ ทาให้บางคนบกพร่องในการทาอิบาดะฮฺ ไม่ว่าจะเป็นการไปละหมาดที่มัสยิด การเรียกร้องเชิญชวนไปสู่อัลลอฮฺ การแสวงหาความรู้ศาสนา และการงานอื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติ


ท่านอับดุลลอฮฺ บิน มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า มีคนเล่าให้ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ฟังว่าชายคนหนึ่งเข้านอนในตอนกลางคืนแล้วไม่ลุกขึ้น (เพื่อละหมาดตะฮัจญุด) จนกระทั่งรุ่งสาง ท่านจึง





ความว่า “ชายคนนี้ชัยฏอนฉี่ใส่หูของเขา” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 3270 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 774)


13


วิธีขจัดความเกียจคร้านมีดังนี้


หนึ่ง การขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺผู้ซึ่งเป็นผู้ช่วยเหลือที่ดีที่สุด ดังปรากฏในหะดีษที่กล่าวถึงข้างต้นว่า





“จงขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ และอย่าได้รู้สึกอ่อนแอ”


สอง การขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺให้ห่างไกลจากความเกียจคร้าน ดังที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ได้ขอความคุ้มครองจากพระองค์เช่นกัน


สาม การอาบน้าละหมาด การราลึกถึงอัลลอฮฺ และการละหมาด ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า “ชัยฏอนจะสะกดจุดที่ต้นคอของคนหนึ่งคนใดเมื่อเขานอนหลับสามจุดด้วยกัน แต่ละจุดจะมีการย้าคากล่าวว่า ‘ท่าน


14


ยังมีเวลาหลับอีกยาวนาน ฉะนั้นจงหลับต่อไป’ หากเขาตื่นแล้วราลึกถึงอัลลอฮฺ จุดหนึ่งก็จะถูกคลายไป และหากเขาอาบน้าละหมาด อีกจุดหนึ่งก็จะถูกคลายไป และเมื่อเขาได้ละหมาด จุดสุดท้ายก็จะถูกคลายไปในที่สุด และเขาก็จะมีความกระฉับกระเฉง และรู้สึกสบายใจ มิเช่นนั้นแล้ว เขาจะรู้สึกแย่และเกียจคร้าน” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 1142 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 776)


สี่ ควรราลึกอยู่เสมอว่า อัลลอฮฺทรงส่งเสริมให้พวกเรามีความหมั่นเพียรและรีบเร่งในการทาความดี พระองค์ตรัสว่า





ความว่า “และพวกเจ้าจงรีบเร่งกันไปสู่การอภัยโทษจากพระเจ้าของพวกเจ้า และไปสู่สวรรค์ซึ่งความกว้างของมันนั้น คือบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน โดยที่มันถูกเตรียมไว้สาหรับบรรดาผู้ที่ยาเกรง” (อาล อิมรอน: 133)


และตรัสถึงคาพูดของท่านนบีมูซา อะลัยฮิสลาม ว่า


15





ความว่า “และข้าพระองค์ได้รีบเร่งมายังพระองค์เท่านั้น โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ ก็เพื่อให้พระองค์ทรงพอพระทัยเท่านั้น” (ฏอฮา: 84)


และพระองค์ตรัสแก่ท่านนบียะหฺยาว่า





ความว่า “โอ้ ยะหฺยาเอ๋ย เจ้าจงยึดมั่นในคัมภีร์ (เตารอต) อย่างมั่นคง” (มัรยัม: 12)


ห้า จงตระหนักไว้เถิดว่า ความเกียจคร้านนั้นเป็นนิสัยที่น่าตาหนิ และเป็นลักษณะของพวกมุนาฟิกีน


والحمد لله رب العالمين،


وصلَّ الله وسلم عْ نبينا محمد، وعْ آله وصحبه أجمعين



กระทู้ล่าสุด

ความแข็งกระด้างของหัว ...

ความแข็งกระด้างของหัวใจ

ข้อคดิ จากสูเราะฮอฺ ั ...

ข้อคดิ จากสูเราะฮอฺ ัล-หิจญ์รฺ อายะฮทฺ ี่ ๔๕

ห้ามเยาะเย้ยดูถูกผู้อ ...

ห้ามเยาะเย้ยดูถูกผู้อื่น

ความวุ่นวายและการทดสอ ...

ความวุ่นวายและการทดสอบ แห่งโลกดุนยา