บทความ

ไสยศาสตร์ การสงิ สู่และดวงตาริษยา





ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิงเสมอ


ไสยศาสตร์ การสิงสู่ และดวงตาริษยา


มวลการสรรเสริญเป็ นสิทธิ􀀑ของอัลลอฮฺ ขอความสุขความจำเริญ


และความสันติจงประสบแด่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ฉันขอปฏิญาณว่า


ไม่มีพระเจ้าอืนใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีใด ๆ


สำหรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่ามุหัมมัดเป็นบ่าวและศาสน


ทูตของพระองค์


ดุนยาคือโลกแห่งการทดสอบ ผู้ศรัทธาจะถูกทดสอบทัง


ด้วยความสุขและความทุกข์ ความยากเข็ญลำเค็ญและความ


เป็นอยู่ทีดี การมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและมีโรคภัยไข้เจ็บ ความ


รํารวยและความยากจน หรือแม้แต่สิงทีเป็นอารมณ์ความต้องการ


และความเคลือบแคลงสงสัย อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า





ความว่า “ทุกชีวิตย่อมลิม รสความตาย และเราจะทดสอบพวกเจ้า


ด้วยความชัวและความดี และพวกเจ้าจะต้องกลับไปหาเราอย่าง


แน่นอน” (อัลอันบิยาอ์: 35)


4


กล่าวคือ ในบางครัง เราจะทดสอบพวกเจ้าทัง ด้วยทุกข์


ภัยความยากลำบาก และบางครัง เราก็ทดสอบด้วยความสุข


สบาย เพือทีจะเฝ้ าดูว่าพวกเจ้านัน เป็ นผู้ทีสรรเสริญขอบคุณ


หรือเป็นผู้ทีปฏิเสธ เป็นผู้ทีหมดหวังหรือเป็นผู้ทีอดทน


บททดสอบหนึงทีมนุษย์อาจพบเจอ คือ ไสยศาสตร์


การถูกญินเข้าสิง และดวงตาทีริษยา (อัลอัยนฺ) สิงเหล่านีม ี


หลักฐานชัดเจนทัง จากบทบัญญัติอิสลาม และจากสิงทีเกิดขึน


จริง และผู้คนในปัจจุบันนีต ่างประสบกับบททดสอบนีก ันอย่าง


มากมาย ส่วนหนึงของสาเหตุทีทำให้เกิดกรณีดังกล่าวคือ


สาเหตุทีหนึง เป็ นบททดสอบจากพระองค์อัลลอฮฺ


ตะอาลา ซึงอาจเกิดขึน ได้แม้กับคนดีทัง หญิงและชาย ดังทีได้


เกิดขึน กับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ทัง ทีท่านเป็ น


ผู้นำของมวลมนุษยชาติ ดังหะดีษทีรายงานโดยท่านหญิงอาอิ


ชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ว่า “ชายชาวยิวจากเผ่าซุร็อยกฺ ชือละ


บีด บิน อัลอะอฺศ็อม ได้ทำคุณไสยใส่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะ


ลัยฮิวะสัลลัม กระทังท่านถึงกับเพ้อว่าได้ทำสิงหนึงสิงใดไปโดย


ทีท่านไม่ได้ทำ ในทีสุดมลาอิกะฮฺได้มาหาท่าน และบอกทีซ่อน


ของคุณไสยนัน ท่านจึงใช้ให้นำออกมาแล้วเอาไปฝัง” (บันทึก


5


โดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที 5766 และมุสลิม หะดีษเลขที


2189)


คุณไสยทีเกิดขึน กับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ


วะสัลลัม ถือเป็ นโรคหนึงจากภัยไข้เจ็บทัวไปทีเกิดขึน และ


พระองค์อัลลอฮฺก็ได้ทรงทำให้ท่านหายจากโรคดังกล่าว จึงไม่


ถือเป็ นข้อบกพร่องหรือเป็ นเรืองน่าตำหนิแต่ประการใด ทัง นี 


เพราะโรคภัยไข้เจ็บเป็นสิงทีเกิดขึน ได้กับบรรดานบี หรือแม้แต่


อาการหมดสติ ซึงท่านนบีก็เคยหมดสติเมือครัง ทีท่านป่ วยจน


ล้มลง สิงนีค ือบททดสอบ เพือทีอัลลอฮฺจะได้ทรงเพิมพูนผลบุญ


และความจำเริญให้แก่ท่าน


และแน่นอนว่าบุคคลทีถูกทดสอบอย่างสาหัสทีสุดคือ


บรรดานบีทัง หลาย พวกท่านต่างเผชิญกับการทดสอบด้วย


พฤติกรรมของประชาชาติของพวกท่าน ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าฟัน


ทุบตีทำร้าย ด่าทอ หรือกักขัง จึงไม่ใช่เรืองน่าแปลกทีท่านนบี


ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะถูกทดสอบจากบรรดาศัตรูของ


ท่านด้วยไสยศาสตร์ ไม่ต่างจากการทีท่านถูกทดสอบด้วยคม


หอกคมดาบ หรือการทีมีผู้นำสิงปฏิกูลวางบนหลังท่านขณะที


6


กำลังสุ􀁎ูด และกรณีอืน ๆ ฉะนัน จึงไม่ใช่เรืองเสียหายแต่อย่าง


ใด สำหรับนบีทัง หลายทีจะถูกทดสอบในลักษณะเช่นนี และ


พวกท่านก็จะได้รับผลบุญทีเพิมพูน ณ อัลลอฮฺ ตะอาลา (บะ


ดาอิอฺ อัลฟะวาอิด เล่ม 2 หน้า 742)


สาเหตุทีสอง การฝ่ าฝื นและบาปความผิดต่าง ๆ


อัลลอฮฺ ตะอาลาตรัสว่า





ความว่า “และทุกข์ภัยอันใดทีประสบแก่พวกเจ้า ก็เนืองด้วย


นำ มือของพวกเจ้าได้ขวนขวายไว้ และพระองค์ทรงอภัย


(ความผิดให้) มากต่อมากแล้ว” (อัชชูรอ: 30)


และพระองค์ตรัสว่า





ความว่า “ความดีใด ๆ ทีประสบแก่เจ้านัน มาจากอัลลอฮฺ และ


ความชัวใด ๆ ทีประสบแก่เจ้านัน มาจากตัวของเจ้าเอง” (อันนิ


สาอ์: 79)


7


ชาวสลัฟท่านหนึงกล่าวว่า “เมือใดทีฉันฝ่าฝืนอัลลอฮฺ


ฉันมักจะได้เห็นผลของการฝ่าฝื นดังกล่าว เกิดขึน กับตัวฉันและ


สัตว์พาหนะของฉัน”


สาเหตุทีสาม การหลงลืมและเพิกเฉยต่อการรำลึก


ถึงอัลลอฮฺ อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า





ความว่า “และผู้ใดผินหลังจากการรำลึกถึงพระผู้ทรงกรุณา


ปรานี เราะจะให้ชัยฏอนตัวหนึงแก่เขา แล้วมันก็จะเป็นสหาย


ของเขา” (อัซซุครุฟ: 36)


ท่านญาบิรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี


ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า “เมือบุคคลใดบุคคลหนึงรำลึกถึงอัลลอฮฺ ขณะทีเขา


ก้าวเข้าบ้าน และขณะทีเขาจะรับประทานอาหาร ชัยฏอนจะ


กล่าว (แก่พรรคพวกของมัน) ว่า คืนนีพ วกเจ้าคงไม่มีทีนอนและ


ไม่มีอาหารเย็นให้กินแล้ว! แต่หากเขาไม่รำลึกถึงอัลลอฮฺขณะ


เดินเข้าบ้าน ชัยฏอนจะกล่าว (แก่พรรคพวกของมัน) ว่า พวก


เจ้าได้ทีนอนสำหรับคืนนีแ ล้ว! และหากเขาไม่รำลึกถึงอัลลอฮฺ


ขณะรับประทานอาหาร ชัยฏอนจะกล่าว (แก่พรรคพวกของมัน)


ว่า พวกเจ้าได้ทีนอนและอาหารเย็นแล้ว!” (บันทึกโดย มุสลิม


หะดีษเลขที 2018)


สาเหตุทีสี ความอิจฉาริษยา อัลลอฮฺ ตรัสว่า





ความว่า “หรือว่าพวกเขาอิจฉาคนอืน ในสิงทีอัลลอฮฺทรง


ประทานให้แก่พวกเขา จากความกรุณาของพระองค์ แท้จริงนัน


พระองค์ได้ปรานให้แก่วงศ์วานของอิบรอฮีมมาแล้วซึงคัมภีร์


และความรู้เกียวกับศาสนา และได้ทรงให้แก่พวกเขาซึงอำนาจ


อันยิงใหญ่” (อันนิสาอ์: 54)


9


ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี


ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า “พวกท่านจงอย่าอิจฉาริษยาซึงกันและกัน อย่าเพิม


ราคาสินค้าโดยทีท่านเองไม่ต้องการซือ (เป็ นหน้าม้าให้ผู้ขาย


ได้รับประโยชน์) อย่าได้โกรธเคืองซึงกันและกัน อย่าได้ขัดแย้ง


กันเอง อย่าได้ขายของตัดหน้ากัน และพวกท่านจงเป็นบ่าว


ของอัลลอฮฺทีมีความรักใคร่กลมเกลียวกัน” (บันทึกโดยมุสลิม


หะดีษเลขที 2564)


ผู้มีดวงตาริษยา (อัลอาอิน - العائن ) กับผู้ทีมีความอิจฉา


(อัลหาสิด - اسد 􀁹 ا) นัน มีความเหมือนกันตรงทีบุคคลทัง สอง


ประเภทนี อยากทีจะเป็นหรือมีเหมือนผู้ทีเขาอิจฉา ผู้ทีมีดวงตา


ริษยาจะอิจฉาเมืออยู่ต่อหน้า หรือเมือพบเห็นสิงดังกล่าว ส่วนผู้


ทีมีความอิจฉา จะอิจฉาทัง ต่อหน้าและลับหลัง


ส่วนข้อแตกต่างก็คือ ผู้มีดวงตาริษยาอาจพุ่งสายตาจับ


จ้องและก่อให้เกิดผลเสียต่อ วัตถุ สัตว์ พืชผล หรือทรัพย์สิน ก็


10


ได้ แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วผู้ทีเขาอิจฉา คือผู้เป็นเจ้าของสิง


เหล่านัน


บางครัง ดวงตาริษยาอาจส่งผลเสียต่อตัวเขาเองด้วยซำ


เพราะการทีเขาจ้องมองสิงหนึงสิงใดด้วยความชืนชอบและ


ปลาบปลืม อย่างมาก ก็อาจส่งผลเสียต่อสิงทีถูกมองได้


นักอรรถาธิบายอัลกุรอานหลายท่านระบุว่าคำตรัส


ของอัลลอฮฺทีว่า





[ [القلم: ٥١


ความว่า “และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานัน แทบจะทำให้สายตา


ของพวกเขาจ้องเขม็งไปยังเจ้า เมือพวกเขาได้ยินอัลกุรอาน”


(อัลเกาะลัม: 51)


นัน หมายถึงการประสบกับ อัลอัยนฺ (สายตาอาฆาตริษยา) โดย


พวกเขาประสงค์จะให้ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม


ประสบกับพิษภัยของสายตาริษยา จึงให้คนกลุ่มหนึงทีมีดวงตา


ริษยาอาฆาตจับจ้องท่าน ซึงพวกเขาต่างกล่าวว่า “เราไม่เคย


เห็นผู้ใดเหมือนเขาเลย”


11


คนจำพวกนีบ างคนอาจพบเห็นวัวทีอ้วนท้วนสมบูรณ์


แล้วเกิดความริษยา จึงจับจ้องมองด้วยสายตาทีอาฆาต พร้อม


บอกให้เด็กรับใช้เตรียมภาชนะกับเงินไว้ เพือไปซือ เนือ วัว


ดังกล่าวมา หลังจากนัน ไม่นานวัวตัวดังกล่าวก็ล้มป่ วยลงและ


ถูกเชือด (บะดาอิอฺ อัลฟะวาอิด เล่ม 2 หน้า 751-752)


ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี


ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า “อัลอัยนฺ (สายตาอาฆาตริษยา) นัน เป็นสิงทีมีผลจริง”


(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที 5740 และมุสลิม หะดีษ


เลขที 2187)


อัสมาอ์ บินตฺ อุมัยสฺ กล่าวแก่ท่านนบีว่า “โอ้ท่านเราะสู


ลุลลอฮฺ ลูกหลานของญะอฺฟัรประสบกับอัลอัยนฺ เราควรจะ


รักษาพวกเขาไหม? ท่านนบีกล่าวตอบว่า





12


ความว่า “ใช่ เพราะถ้าหากจะมีสิงใดทีรุดหน้าก่อนกำหนด


การณ์ของอัลลอฮฺ ก็คงเป็นอัลอัยนฺนีแหละ” (บันทึกโดย อัลบุคอ


รีย์ หะดีษเลขที 27470 และมุสลิม หะดีษเลขที 2059)


ท่านญาบิรฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ


วะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า “แท้จริง อัลอัยนฺ นัน อาจทำให้คนคนหนึงเข้าหลุมศพ


(คือทำให้เขาตาย) และทำให้อูฐลงหม้อได้ (คือทำให้อูฐเป็นโรค


จนเจ้าของต้องเชือดมัน)” (บันทึกโดย อิบนุ อะดีย์ 6/408)


ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงได้ชีแ นะผู้


ศรัทธาว่า เมือพบเห็นสิงใดให้กล่าวขอให้อัลลอฮฺทรง


ประทานบะเราะกัตความจำเริญแก่สิงนัน ดังทีมีรายงานจาก


ท่านสะฮฺล์ บิน หะนีฟ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี


ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า “ด้วยเหตุอันใดเล่าทีคนใดคนหนึงในหมู่พวกท่านจะ


ฆ่าพีน้องของเขา? ทางทีดีและสมควรอย่างยิงคือ เมือท่านเห็น


สิงใดทีท่านรู้สึกถูกใจ ให้ท่านกล่าวขอให้สิงนัน มีบะเราะกัตและ


ความจำเริญ” (บันทึกโดย อะหฺมัด หะดีษเลขที 15980)


เกราะป้ องกันให้พ้นจากความชัวร้ายเหล่านี 􀀷 ได้แก่


(1) มอบหมายการงานทุกอย่างต่ออัลลอฮฺ นีคือสิง


ทียิงใหญ่ทีสุดทีจะสามารถคุ้มครองเราให้พ้นจากโรคร้ายและสิง


ไม่ดีทัง หลาย และใครก็ตามทีมอบหมายต่อพระองค์ พระองค์ก็


จะทรงช่วยเหลือเขา อัลลอฮฺ ตรัสว่า





ความว่า “และผู้ใดมอบหมายแด่อัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้


พอเพียงแก่เขา” (อัฏเฏาะลาก: 3)


(2) ปฏิบัติตามคำสังใช้ของอัลลอฮฺ และหลีกห่าง


จากสิงทีพระองค์ทรงห้าม ฉะนัน ผู้ใดรักษาไว้ซึงคำสังใช้ของ


พระองค์ พระองค์ก็จะทรงปกป้องเขา ไม่ว่าจะเป็นเรืองศาสนา


ดุนยา ครอบครัว และทรัพย์สิน อัลลอฮฺ ตรัสว่า





ความว่า “ดังนัน อัลลอฮฺทรงเป็นผู้คุ้มกันทีดียิง” (ยูสุฟ: 64)


ท่านอิบนุอับบาส เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ


วัลลัม กล่าวว่า





ความว่า “จงรักษา (คำสังใช้) ของอัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรง


ปกป้องรักษาท่าน” (บันทึกโดย อัตติรมิซีย์ หะดีษเลขที 2516)


(3) รำลึกถึงอัลลอฮฺให้มาก ขณะเข้าและออกจาก


บ้าน ทัง ในตอนเช้าและตอนเย็น ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เล่าว่า


ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า





ความวา่ “ผู้ใดกล่าว ‘ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ วะหฺดะฮุ ลาชะรีกะละฮฺ


ละฮุลมุลกฺ วะละฮุลหัมดฺ วะฮุวะ อะลา กุลลิชัยอิน เกาะดีรฺ’ (ไม่มี


15


พระเจ้าอืนใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว ไม่มีภาคีใด


เทียบเคียงพระองค์ พระองค์คือผู้ทรงอำนาจและคู่ควรแก่การ


สรรเสริญ และพระองค์ทรงมีเดชานุภาพเหนือทุกสิง) หนงึ ร้อยครัง


ในหนึงวัน เขาจะได้รับผลบุญเท่ากับการปล่อยทาสสิบคน ได้รับการ


บันทึกหนึงร้อยความดี ลบล้างหนึงร้อยความผิด และจะได้รับการ


ปกป้องจากชัยฏอนตลอดวันจนกระทังเย็น โดยทีไม่มีใครจะได้รับ


ความดีความประเสริญมากกว่าเขา นอกจากผู้ทีสามารถทำได้


มากกว่าเขา” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที 3293 และมุสลิม


หะดีษเลขที 2691)


(4) ขอความคุ้มครองแก่บุตรหลาน ให้รอดพ้นจาก


ชัยฏอน ท่านอิบนุอับบาส เล่าว่า ท่านนบีได้เคยขอความ


คุ้มครองให้หะสันและหุสัยนฺ โดยท่านกล่าวว่า





ความว่า “แท้จริง บิดาของเจ้าทัง สอง (นบีอิบรอฮีม) ก็เคยขอ


ความคุ้มครองให้แกน่ บีอิสมาอีลและนบีอิสหาก ด้วยดุอาอ์บทนี 





(ฉันขอความคุ้มครองด้วยถ้อยคำต่าง ๆ อันสมบูรณ์ของอัลลอฮฺ


จากชัยฏอนทุกตัว และแมลงมีพิษทัง หลาย ตลอดจนทุก ๆ


สายตามาดร้ายทีคอยอาฆาต)” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษ


เลขที 3371)


(5) ผู้ศรัทธาควรรับประทานอัจวะฮฺจำนวนเจ็ดเม็ด


ในตอนเช้า อัจวะฮฺคืออินทผลัมชนิดหนึงซึงปลูกในเมืองมะดี


นะฮฺ มีหะดีษซึงรายงานโดยท่านสะอัด บิน อบีวักกอศ


เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม


กล่าวว่า





ความว่า “ผู้ใดทานอินทผลัมอัจวะฮฺเจ็ดเม็ดในตอนเช้า ในวันนัน


ยาพิษหรือคุณไสยจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้” (บันทึกโดย อัล


บุคอรีย์ หะดีษเลขที 5769 และมุสลิม หะดีษเลขที 2074)


ชัยคฺ อับดุลอะซีซ บิน บาซ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า


“หวังว่าประโยชน์ดังกล่าวนีจ ะครอบคลุมอินทผลัมทุกชนิด”


17


(6) ดำรงรักษาละหมาดศุบหฺพร้ อมญะมาอะฮฺที


มัสยิด ท่าน􀁎ุนดุบ บิน อับดิลลาฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอ


ฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า “ผู้ใดละหมาดศุบหฺ เขาจะได้รับความคุ้มครอง


จากอัลลอฮฺ” (บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที 657)


และผู้ใดทีอยู่ในความคุ้มครองของพระองค์ แน่นอนว่า


ชัยฏอนจะห่างไกลจากเขา


(7) อ่านสูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺในบ้านเป็น


ประจำ ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ


วะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า “แท้จริงชัยฏอนนัน จะหลีกหนีจากบ้านทีมีการอ่านสู


เราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ” (บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที 780)


และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า “พวกท่านจงอ่านสูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺเถิด เพราะ


แท้จริงการอ่านสูเราะฮฺนีเป็นบะเราะกัต ผู้ใดละทิง ก็จะประสบกับ


ความโศกเศร้าเสียใจ และนักไสยศาสตร์จะไม่สามารถอ่านสู


เราะฮฺนีไ ด้” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที 804)


(8) หมันสูเราะฮฺอัลฟะลักและอันนาส ทัง ตอนเช้าและ


ตอนเย็น เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม ได้เคยสัง


เสียท่านอุกบะฮฺ บิน อามิรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ โดยกล่าวว่า





ความว่า “ท่านจงขอความคุ้มครองด้วยการอ่านสูเราะฮฺทัง สอง


เถิด เพราะแท้จริงไม่มีการขอความคุ้มครองใด จะดีเท่าการขอ


ความคุ้มครองด้วยสองสูเราะฮฺนี” (บันทึกโดย อบูดาวุด หะดีษ


เลขที 1463)


อิบนุลก็อยยิม เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า “สำหรับบ่าว


แล้ว ความจำเป็นทีเขาต้องขอความคุ้มครองด้วยสูเราะฮฺทัง สอง


นี เหนือกว่าความจำเป็ นของอากาศหายใจ อาหาร เครืองดืม


19


หรือเสือ ผ้าอาภรณ์เสียอีก” (บะดาอิอฺ อัลฟะวาอิด เล่ม 2 หน้า


426)


(9) กล่าวขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ ให้พ้นจาก


สงิ ชัวร้ายทงั􀀷 หลายทถี ูกสร้างให้มาก ทัง ในเวลากลางคืน และ


กลางวัน หรือเมือเข้าไปพักในอาคาร ทะเลทราย อยู่บน


เครืองบิน หรือในทะเล เคาละฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะ


ลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า “ผู้ใดเข้าไปในสถานทีแห่งหนึงแห่งหนึงแห่งใด แล้ว


กล่าวว่า مَا خَلَقَ 􀂖 َ 􀂙 اتِ مِنْ 􀁙 ام􀁙 􀀗


لِمَاتِ اللهِ ا 􀁤 عُوذُ بِ َ


َ


أ (ฉันขอความ


คุ้มครองด้วยพระดำรัสของอัลลอฮฺซึงมีความสมบูรณ์ยิง ให้พ้น


จากสิงชัวร้ายทีพระองค์ทรงสร้างด้วยเถิด) เขาจะไม่ได้รับ


อันตรายจากสิงใด จนกระทงั เขาออกจากทีแห่งนัน ” (บันทึกโดย


มุสลิม หะดีษเลขที 2708)


20


(10) อ่านสองอายะฮฺสุดท้ายของสูเราะฮฺอัลบะ


เกาะเราะฮฺ ในช่วงแรกของคําคืน ท่านอบูมัสอูด เราะฎิยัลลอ


ฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า “ผู้ใดอ่านสองอายะฮฺสุดท้ายของสูเราะฮฺอัลบะเกาะ


เราะฮฺในยามคำคืน เขาจะได้รับความคุ้มครองจากสิงชัวร้าย


ต่าง ๆ” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที 5009 และมุสลิม


หะดีษเลขที 807)


(11) อ่านอายะฮฺกุรสีย์ก่อนนอน ดังทีท่านอบูฮุร็อย


เราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ รายงานจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะ


ลัยฮิวะสัลลัม ว่า





ความว่า “ผู้ใดอา่ นอายะฮฺกุรสีย์ขณะทีเขาล้มตัวลงนอนบนเตียง


ของเขา เขาจะได้รับความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ และชัยฏอนจะ


21


ไม่เข้าใกล้เขาจนกระทังเช้า” (ส่วนหนึงของหะดีษซึงบันทึกโดย


อัลบุคอรีย์ เลขที 2311)


(12) อย่าปล่อยให้เด็กอยู่นอกบ้านเวลาพลบคํา


ท่านญาบิรฺ เราะฎิยัลลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะ


ลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า “ในช่วงเวลาพลบคํา จงห้ามมิให้บุตรหลานของพวก


ท่านอยู่นอกบ้าน เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวบรรดาชัยฏอนจะ


ออกมามากมาย เมือผ่านช่วงเวลานัน ไปสักครู่หนึงก็ให้ปล่อย


พวกเขาได้ และจงปิดประตูและกล่าวซิกรุลลอฮฺ เพราะแท้จริง


ชัยฏอนจะไม่สามารถเปิดประตูทีปิดอยู่ได้” (บันทึกโดย อัลบุคอ


รีย์ หะดีษเลขที 2304 และมุสลิม หะดีษเลขที 2012)


22


(13) ทำให้บ้านพักอาศัยปราศจากสัญลักษณ์ไม้


กางเขน รูปปั􀀷นของสิงมีวิญญาณ และสุนัข ท่านนบี


ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า





ความว่า “แท้จริงบรรดามลาอิกะฮฺจะไม่เข้าบ้านทีมีสุนัข และ


รูปภาพ” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที 3227 และมุสลิม


หะดีษเลขที 2106) ในอีกสำนวนหนึงระบุว่า “รูปปัน” (บันทึก


โดยมุสลิม หะดีษเลขที 2106)


และรวมถึงการทำให้บ้านปราศจากเครืองดนตรีต่าง ๆ


ด้วย เพราะดนตรีเป็นเสียงของชัยฏอน


อิบนุลก็อยยิม กล่าวว่า “เคยมีช่วงหนึงทีฉันล้มป่วย


ขณะพำนักอยู่ทีมักกะฮฺ โดยไม่มีหมอหรือยา ฉันจึงทำการรักษา


ด้วยสูเราะฮฺอัลฟาติหะฮฺ โดยอ่านลงในนำ ซัมซัมแล้วดืม กระทงั


ฉันรู้สึกว่าหายป่ วยโดยสิน เชิง หลังจากนัน เมือฉันเจ็บป่ วยใน


คราใด ฉันก็จะใช้วิธีนี  ซึงฉันก็พบว่ามันเป็ นสิงทีมีประโยชน์


มาก” (อัฏฏิบ อันนะบะวีย์ หน้า 301)


23


สูเราะฮฺทีใช้รักษาโรคต่าง ๆ นัน ได้แก่ สูเราะฮฺอัลฟาติ


หะฮฺ มุเอาวิซะตาน (อัลฟะลักและอันนาส) และอายะฮฺกุรสีย์


ส่วนดุอาอ์ทีท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ขอก็เช่น





ความว่า “โอ้อัลลอฮฺ พระผู้อภิบาลแห่งมวลมนุษย์ ขอทรงโปรด


ขจัดโรคภัย และบำบัดรักษามันด้วยด้วยเถิด พระองค์คือผู้ทรง


บำ บัดรักษาให้หาย ไม่มีการบำ บัดใดเว้นแต่ด้วยการ


บำบัดรักษาของพระองค์ เป็นการบำบัดทีไม่ทิง ความเจ็บป่ วย


ใดๆ หลงเหลืออีกต่อไป” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที


5743 และมุสลิม หะดีษเลขที 2191)


และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เคยกล่าว


แก่ผู้ทีกำลังป่วยวา่





ความว่า “จงวางมือของท่านตรงบริเวณทีท่านรู้สึกปวด แล้ว


กล่าวบิสมิลลาฮฺสามครัง หลังจากนัน ให้กล่าวอีกเจ็ดครัง ว่า





ความว่า “ฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความชวั ร้ายของ


ความเจ็บปวดทีฉันกำลังประสบ และสิงทีฉันหวันเกรง” (บันทึก


โดย มุสลิม หะดีษเลขที 2202)


 



กระทู้ล่าสุด

อานิสงส์ของการถือศีลอ ...

อานิสงส์ของการถือศีลอดหกวันชาวาล

สาส์นอันหนึ่งเดียวเท่ ...

สาส์นอันหนึ่งเดียวเท่านั้น

อิสลามกล่าวถึงอะไรเกี ...

อิสลามกล่าวถึงอะไรเกี่ยวกับการก่อการร้าย

ถ้าพระเจ้าทรงปรานีทุก ...

ถ้าพระเจ้าทรงปรานีทุกสิ่งทำไมความชั่วจึงมีอยู่?