บทความ




ท่านถาม อัลกุรอานตอบ


1. ใครคือผู้สร้าง?


(40:64) อัลลอฮฺ คือผู้ทรงทำให้แผ่นดินนี้เป็นที่พำนักแก่พวกเจ้า และชั้นฟ้าเป็นเพดานมั่นคง และทรง


ทำให้พวกเจ้าเป็นรูปร่าง และทรงทำให้รูปร่างของพวกเจ้าสวยงามและทรงประทานปัจจัยยังชีพจาก


สิ่งที่ดี ๆ แก่พวกเจ้า พระองค์คืออัลลอฮฺ พระเจ้าของพวกเจ้า ดังนั้นอัลลอฮฺพระเจ้าแห่งสากลโลก


(มนุษย์ ญิน และทุกสิ่งที่ดำรงอยู่)ทรงจำเริญยิ่ง


(39:6) พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้า(ทั้งหมด)จากชีวิตหนึ่ง(หมายถึงอดัม) แล้วจากชีวิตนั้นทรงทำให้


เป็นของคู่ครองของเขา(ฮาวาหรืออีฟ) และทรงประทานปศุสัตว์แปดตัวเป็นคู่แก่พวกเจ้า(แกะทั้งตัวผู้


และตัวเมีย แพะทั้งตัวผู้และตัวเมีย วัวทั้งตัวผู้ และตัวเมีย อูฐทั้งตัวผู้ และตัวเมีย) พระองค์ทรงสร้าง


พวกเจ้าในครรภ์ของมารดาพวกเจ้า เป็นการบังเกิดครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ในความมืดสามชั้น พระองค์


นั้นคืออัลลอฮฺ พระเจ้าของพวกเจ้า พระอำนาจเป็นสิทธิของพระองค์ (ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจาก


พระองค์ที่เราสักการะบูชา) แล้วทำไมพวกเจ้าจึงผินหน้าไปทางอื่น!


(7:54) แท้จริงพระเจ้าของพวกเจ้านั้น คือ อัลลอฮฺ ผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้า และแผ่นดินภายในหกวัน


แล้วสถิตอยู่เหนือบัลลังก์พระองค์(อิสติวาอ์) ทรงให้กลางคืนครอบคลุมกลางวันในสภาพที่กลางคืน


ไล่ตามกลางวันโดยรวดเร็ว และทรงสร้างดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ และบรรดาดวงดาวขึ้น โดยถูก


กำหนดให้ทำหน้าที่บริการตามพระบัญชาของพระองค์ พึงรู้เถิดว่า การสร้างและกิจการทั้งหลายนั้น


เป็นสิทธิของพระองค์เท่านั้น มหาบริสุทธิ์อัลลอฮฺ ผู้เป็นพระเจ้าแห่งสากลโลก (มนุษย์ ญิน และทุกสิ่ง


ที่ดำรงอยู่)


(10:32) พระองค์นั่นแหละอัลลอฮฺ พระเจ้าที่แท้จริงของพวกท่าน ฉะนั้นหลังจากความจริงแล้วจะมี


อะไรอีกเล่า นอกจากความหลงผิดเท่านั้น แล้วทำไมเล่าพวกท่านจึงถูกให้หันเหออกไปอีก?


2. อัลลอฮฺคือใคร?


(59:23) พระองค์คืออัลลอฮฺ ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์ผู้ทรงอำนาจสูงสุด ผู้ทรง


บริสุทธิ์ ผู้ทรงความศานติสุข ผู้ทรงคุ้มครอง ผู้ทรงเป็นพยาน ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรง


ทรนง มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮฺจากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีต่อพระองค์


(59:24) พระองค์คืออัลลอฮฺ ผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงให้บังเกิด ผู้ทรงทำให้เป็นรูปร่าง สำหรับพระองค์คือ


พระนามทั้งหลายอันสวยงามไพเราะ สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างแซ่ซ้องสดุดีพระองค์


2


และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจผู้ทรงปรีชาญาณ


(20:14) แท้จริงข้าคืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้าและจง


ดำรงไว้ซึ่งการละหมาด เพื่อรำลึกถึงข้า


(2:255) อัลลอฮฺ นั้น คือ ไม่มีผู้ที่เป็นที่เคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น ผู้ทรงชีวิน ผู้ทรง


บริหารกิจการทั้งหลาย โดยที่การง่วงนอนและการนอนหลับใด ๆ จะไม่เอาพระองค์(คือไม่ทรงมี


คุณลักษณะเช่นนั้น) สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นของพระองค์ ไม่มีผู้ใดที่จะ


ขอความช่วยเหลือให้แก่ผู้อื่น ณ ที่พระองค์ได้ นอกจากด้วยอนุมัติของพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงรู้


สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขา และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาและพวกเขาจะไม่รอบรู้สิ่งใดจาก


ความรู้ของพระองค์ได้ นอกจากสิ่งที่พระองค์ประสงค์เท่านั้น อัลกุรสีย์พระองค์นั้นกว้างขวางทั่วชั้น


ฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและการรักษามันทั้งสองก็ไม่เป็นภาระหนักแก่พระองค์และพระองค์นั้นคือผู้


ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่ (โองการ 2:255 ถูกเรียกว่า อายัตตุลกรุซี)


(35:13) พระองค์ทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวัน (นั่นคือ ลดชั่วโมงกลางคืนมาเพิ่มชั่วโมง


ในตอนกลางวัน) และทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางคืน (นั่นคือ ลดชั่วโมงตอนกลางวันมา


เพิ่มชั่วโมงในตอนกลางคืน) และทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์ (แก่มนุษย์) ทุกสิ่ง


โคจรไปตามวาระที่ได้กำหนดไว้ นั่นคือ อัลลอฮฺ พระเจ้าของพวกเจ้า อำนาจการปกครองทั้งมวลเป็น


สิทธิ์ของพระองค์ และสิ่งที่พวกเจ้าวิงวอนขออื่นจากพระองค์นั้นพวกมันมิได้ครอบครองสิ่งใดแม้แต่


เยื่อบางหุ้มเมล็ดอินทผลัม


(3:18) อัลลอฮฺทรงยืนยันว่า แท้จริงไม่มีผู้ที่ควรได้รับการเคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น


และมะลาอิกะฮ์ และผู้มีความรู้ในฐานะดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมนั้น ก็ยืนยันด้วยว่าไม่มีผู้ที่ควรได้รับ


การเคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณเท่านั้น


(3:51 แท้จริงอัลลอฮฺนั้นคือ พระเจ้าของฉัน และพระเจ้าของพวกท่าน ดังนั้น จงอิบาดะฮ์ต่อพระองค์


เถิด นี้แหละคือทางอันเที่ยงตรง


3.ท่านคิดว่าอัลลอฮฺ สร้างท่านเพียงแค่เล่นๆ โดยไร้เป้าหมายกระนั้นหรือ?


(3:115) สูเจ้าคิดว่าเราได้สร้างสูเจ้าเพื่อเล่นๆ (โดยไม่มีจุดประสงค์) และสูเจ้าจะไม่ถูกกลับมาหาเรา


หรือ?


3


4.อัลลอฮฺ สร้างมนุษย์เพื่ออะไร?


(51:56) และข้า(อัลลอฮฺ) มิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่ออิบาดะฮฺ(เคารพภักดี)ต่อข้า


(เพียงองค์เดียว)


5.อัลลอฮฺ ทรงบัญชาให้เราทำอะไร?


(4:58) แท้จริงอัลลอฮฺทรงบัญชาพวกเจ้าให้มอบคืนบรรดาของฝากแก่เจ้าของของมัน และเมื่อพวก


เจ้าตัดสินระหว่างผู้คน พวกเจ้าก็จะต้องตัดสินด้วยความยุติธรรม แท้จริงอัลลอฮฺทรงแนะนำพวกเจ้า


ด้วยสิ่งซึ่งดีจริง ๆ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินและทรงเห็น


(6:151) จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)ว่าท่านทั้งหลายจงมากันเถิด ฉันจะอ่านให้ฟังสิ่งที่พระเจ้าของพวก


ท่านได้ห้ามไว้แก่พวกท่าน คือ พวกเจ้าอย่าให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ และจงทำดีต่อผู้


บังเกิดเกล้าทั้งสอง และอย่าฆ่าลูกของพวกเจ้าเนื่องจาก(กลัว)ความจน เพราะเราเป็นผู้ให้ปัจจัยยัง


ชีพแก่พวกเจ้าและแก่พวกเขา(ลูกๆ ของท่าน) และจงอย่าเข้าใกล้บรรดาสิ่งชั่วช้าทั้งที่เปิดเผยและที่


ปกปิด และอย่าฆ่าชีวิตที่อัลลอฮฺ ทรงห้ามไว้ นอกจากด้วยสิทธิอันชอบธรรม(ตามหลักการอิสลาม)


เท่านั้น นั่นแหละที่พระองค์ได้ทรงสั่งเสียมันไว้แก่พวกเจ้า เพื่อว่าพวกเจ้าจะใช้ปัญญา


6. เราจะค้นหาทางนำจากไหน?


(1:1-6)


1. ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ


2. มวลการสรรเสริญ เป็นสิทธิของอัลลอฮฺ ผู้เป็นพระเจ้าแห่งสากลโลก (มนุษย์ ญิน และทุกสิ่งที่ดำรง


อยู่)


3. ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ


4. ผู้ทรงอภิสิทธิ์แห่งวันตอบแทน (คือวันปรโลก อันเป็นวันที่มนุษย์ฟื้นคืนชีพมาเพื่อรับการตอบแทน


จากพฤติกรรมและการกระทำที่ก่อไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิต)


5. เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์เคารพภักดี และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์


ขอความช่วยเหลือ


4


6. ขอพระองค์ทรงชี้นำพวกข้าพระองค์ซึ่งแนวทางอันเที่ยงตรง


7.เราจะวิงวอนกับใครในช่วงเวลาเกิดความหายนะ?


(29:65) ดังนั้นเมื่อพวกเขาขึ้นเรือ พวกเขาวิงวอนต่ออัลลอฮฺ เป็นผู้บริสุทธิ์ใจในการขอพรต่อพระองค์


ครั้นเมื่อพระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้ขึ้นบก แล้วพวกเขาก็ตั้งภาคีต่อพระองค์(โดยไม่ระลึกถึงความ


โปรดปรานของพระองค์ที่ทรงช่วยเหลือพวกเขาเมื่อยามอยู่ในทะเล) !!


(10:12) และเมื่ออันตรายประสบกับมนุษย์เขาก็จะวิงวอนขอเราในสภาพนอนตะแคง หรือนั่ง หรือยืน


ครั้นเมื่อเราปลดเปลื้องอันตรายของเขาให้พ้นจากเขาไปแล้ว เขาก็เมิน คล้ายกับว่าเขามิได้วิงวอนขอ


เราให้พ้นจากอันตรายที่ได้ประสบแก่เขา เช่นนั้นแหละ ถูกทำให้สวยงามแก่บรรดาผู้ละเมิดขอบเขต


ในสิ่งที่พวกเขากระทำ(คือพวกเขากระทำผิดเช่นนั้นโดยไม่รู้สึกรู้สาถึงความผิดแต่อย่างใดเลย)


8.เกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มชนยุคแรกๆ เมื่อพวกเขาไม่เชื่อฟังอัลลอฮฺ?


(29:40) และแต่ละคนเราได้ลงโทษด้วยความผิดของเขา เช่น บางคนในหมู่พวกเขาเราได้ส่งลมพายุ


ร้ายทำลายเขา และบางคนในหมู่พวกเขา เราได้ลงโทษเขาด้วยเสียงกัมปนาท และบางคนในหมู่พวก


เขา เราได้ให้แผ่นดินสูบเขา และบางคนในหมู่พวกเขาเราได้ให้เขาจมน้ำตาย และอัลลอฮฺ มิได้ทรง


อธรรมแก่พวกเขา แต่พวกเขาต่างหากที่อธรรมต่อพวกเขาเอง (หมายถึงพวกเขาเองที่เป็นสาเหตุ


ให้อัลลอฮฺลงโทษเช่นนั้น)


9.อัลลอฮฺหรือที่ทรงปกปักษ์รักษาอัลกุรอานจากการฉ้อฉล?


(15:9) แท้จริงเราได้ให้ข้อตักเตือน(นั่นคือ อัลกุรอาน)ลงมา และแท้จริงเราเป็นผู้รักษามันอย่าง


แน่นอน (จากการฉ้อฉล)


10.เราจำเป็นต้องเคารพภักดีต่อใคร?


(20:14) แท้จริงข้าคืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้าและจง


ดำรงไว้ซึ่งการละหมาด เพื่อรำลึกถึงข้า


5


11.ศาสนาของอัลลอฮฺ คือศาสนาอะไร?


(3:19) แท้จริงศาสนา ณ อัลลอฮฺ นั้นคือ อัลอิสลาม และบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์มิได้ขัดแย้งกันนอกจาก


หลังจากที่ได้รับความรู้มายังพวกเขาเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากความอิจฉาริษยาระหว่างพวกเขาเอง และ


ผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่อบรรดาโองการของอัลลอฮฺแล้วไซร้ แน่นอนอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรวดเร็วในการ


ชำระโทษ


12.ศาสนาอะไรที่อัลลอฮฺยอมรับ?


(3:85) และผู้ใดแสวงหาศาสนาหนึ่งศาสนาใดอื่นจากอิสลามแล้ว ศาสนานั้นก็จะไม่ถูกรับจากเขา


เป็นอันขาดและในปรโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน


13.อัลกุรอานมาจากไหน?


(42:3) เช่นนั้นแหละ ที่อัลลอฮฺได้มีวะฮียฺ(วิวรณ์แห่งพระองค์)มายังเจ้า(มุฮัมมัด) และมายังบรรดา


(ศาสนทูต)ก่อนหน้าเจ้า พระองค์อัลลอฮฺผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ


(6:114) อื่นจากอัลลอฮฺกระนั้นหรือที่ฉันจะแสวงหาผู้ชี้ขาดทั้ง ๆ ที่พระองค์เป็นผู้ทรงประทานคัมภีร์


(อัลกุรอาน)ลงมาแก่พวกท่านในสภาพที่ถูกแจกแจงไว้อย่างละเอียด ? และบรรดาผู้ที่เราได้ให้คัมภีร์


(เตารอตและอินญีล)แก่พวกเขานั้น พวกเขารู้ดีว่าแท้จริง(อัลกุรอาน)นั้นถูกประทานลงมาจากพระ


เจ้าของเจ้าด้วยความเป็นจริง ดังนั้น เจ้าอย่าได้อยู่ในหมู่ผู้สงสัยเป็นอันขาด


14.อัลลอฮฺ ส่งศาสนทูตมาทำไม?


(4:64) และเรามิได้ส่งร่อซูล(ศาสนทูต)คนใดมานอกจากเพื่อให้เขาได้รับการเชื่อฟังด้วยอนุมัติ


ของอัลลอฮฺ


15.เราต้องศรัทธาในศาสนทูตทุกคนไหม?


6


(2:285) ร่อซูลนั้น(นบีมุฮัมมัด) ได้ศรัทธาต่อสิ่งที่ได้ถูกประทานลงมาแก่เขาจากพระเจ้าของเขา และ


มุอ์มิน(ผู้ศรัทธา)ทั้งหลายก็ศรัทธาด้วย ทุกคนศรัทธาต่ออัลลอฮฺและมลาอิกะฮฺ(เทวทูต)ของพระองค์


และบรรดาคัมภีร์ของพระองค์ และบรรดาศาสนทูตของพระองค์ (พวกเขากล่าวว่า) เราจะไม่แยก


ระหว่างท่านหนึ่งท่านใดจากบรรดาศาสนทูตของพระองค์ และพวกเขาได้กล่าวว่า เราได้ยินแล้ว และ


ได้ปฏิบัติตามแล้ว การอภัยโทษจากพระองค์เท่านั้นที่พวกเราปรารถนา โอ้พระเจ้าของพวกเรา! และ


ยังพระองค์นั้น คือ การกลับคืน


16.เกิดอะไรขึ้นกับคัมภีร์ต่างๆ ในยุคแรก?


(4:46) จากบางคนในหมู่ผู้เป็นยิวนั้น พวกเขาบิดเบือนบรรดาถ้อยคำให้หันเหออกจากที่ของมัน


(หมายถึงพวกเขาได้ดัดแปลงแก้ไขคัมภีร์ของพวกเขา) และพวกเขากล่าว(แก่ท่านศาสนทูตมุฮัมมัด)


ว่า 'เราได้ฟังท่านแล้วและเราก็ได้ฝ่าฝืนคำสั่งของท่าน และท่านจงฟังโดยที่มิใช่เป็นผู้ได้ยิน(คือท่าน


จะไม่ได้ฟังสิ่งดีๆ จากเรา ทว่าท่านจะได้ฟังจากเราด้วยสิ่งที่ท่านไม่พึงประสงค์ หรือท่านจงฟังจากเรา


แต่เราจะไม่ฟังจากท่าน) และจงสดับฟังเรา' โดยการบิดลิ้นของพวกเขาและเพื่อใส่ร้ายในศาสนา และ


หากว่าพวกเขากล่าวว่า 'เราได้ยินกันแล้ว และได้เชื่อฟังกันแล้วและท่านจงฟังและมองดูเราเถิด' นั่น


ย่อมจะเป็นสิ่งดีกว่าแก่พวกเขาและเที่ยงตรงกว่า แต่ทว่าอัลลอฮฺ ได้ทรงละอฺนัตพวกเขา(คือสาปแช่ง


ให้พ้นจากความเมตตาของพระองค์)เนื่องด้วยการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่


ศรัทธากัน นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


(5:13) แต่เนื่องจากการที่พวกเขาทำลายสัญญาของพวกเขา เราจึงได้ให้พวกเขาห่างไกลจากความ


กรุณาเมตตาของเราและให้หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้าง พวกเขากระทำการบิดเบือนบรรดาถ้อยคำ


ให้เฉออกจากตำแหน่งของมันและลืมส่วนหนึ่งจากสิ่งที่พวกเขาถูกเตือนไว้ และเจ้าก็ยังคงมองเห็นอยู่


ในการคดโกงจากพวกเขานอกจากเพียงเล็กน้อยในหมู่พวกเขาเท่านั้น(ที่ไม่ประพฤติเช่นนั้น) จงอภัย


ให้แก่พวกเขาเถิดและเมินไปจากพวกเขาเสีย แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงชอบผู้ทำดีทั้งหลาย


17.ใครคือศาสนทูตองค์สุดท้าย?


(3:144) มุฮัมมัดนั้น หาใช่อื่นใดไม่นอกจากเป็นศาสนทูตผู้หนึ่งซึ่งบรรดาศาสนทูตก่อนจากเขาก็ได้


ล่วงลับไปแล้ว แล้วหากเขาตายไปหรือเขาถูกฆ่าก็ตามพวกเจ้าก็จะหันส้นเท้าของพวกเจ้ากลับ


กระนั้นหรือ? (หมายถึงพวกท่านจงอย่าได้ยึดการมีชีวิตของมุฮัมมัดเป็นหลัก โดยที่เมื่อเขาตายพวก


ท่านก็ละทิ้งศาสนาอิสลาม แต่ให้พวกท่านยึดที่ตัวศาสนาเป็นหลักแม้มุฮัมมัดตายพวกท่านก็ยังยึด


7


มั่นกับมันอยู่) และผู้ใดที่หันสันเท้าทั้งสองของเขากลับแล้วไซร้ มันก็จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่อัลลอ


ฮฺแต่อย่างใดเลย และอัลลอฮฺนั้นจะทรงตอบแทนแก่ผู้กตัญญูทั้งหลาย


18.อัลลอฮฺ ส่งท่านศาสนทูตคนสุดท้าย(ท่านนบีมุฮัมมัด)ให้กับใคร?


(34:28) และเรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใด เว้นแต่เป็นผู้แจ้งข่าวดีและเป็นผู้ตักเตือนแก่มนุษย์ทั้งหลาย


19.อัลลอฮฺ ได้เตรียมอะไรสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาที่เดิมเคยเป็นชาวยิวและชาวคริสเตียน?


(57:28) โอ้บรรดผู้ศรัทธาเอ๋ย(คือบรรดาผู้ศรัทธาต่อศาสนทูตมูซาหรือโมเสส หมายถึงชาวยิว และผู้


ศรัทธาต่อศาสนทูตอีซาหรือเยซู นั่นคือชาวคริสเตียน) จงยำเกรงต่ออัลลอฮฺและจงศรัทธาต่อศาสนูท


ตของพระองค์(หมายถึงท่านนบีมุฮัมมัด)เถิด พระองค์จะทรงประทานความเมตตาของพระองค์ให้แก่


พวกเจ้าสองเท่า และจะทรงให้มีแสงสว่างแก่พวกเจ้าเพื่อพวกเจ้าจะได้ดำเนินชีวิตด้วยมัน และจะ


ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้าและอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ


20.อัลลอฮฺอุปมาอีซา(เยซู)ดั่งอะไร?


(3:59) แท้จริงอุปมาของอีซานั้น ดั่งอุปมัยของอาดัม พระองค์ทรงบังเกิดเขาจากดิน และได้ทรง


ประกาศิตแก่เขาว่าจงเป็นขึ้นเถิด แล้วเขาก็เป็นขึ้น (หมายถึงการกำเนิดอีซานั้นไม่มีพ่อ และการ


กำเนิดอาดัมไม่มีทั้งพ่อและแม่ เพราะฉะนั้นเหตุใดจึงได้ถือเอาอีซาเป็นพระเจ้าทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุผลเลย


ว่าการกำเนิดอีซาจะมหัศจรรย์กว่าการกำเนิดอาดัม)


21.อัลลอฮฺ กล่าวอะไรเกี่ยวกับมัรยัม(พระนางแมรี)?


(3:42-47)


42. และจงรำลึกขณะที่มลาอิกะฮฺกล่าวว่า มัรยัมเอ๋ย! แท้จริงอัลลอฮฺได้ทรงเลือกเธอและทรงทำให้


เธอบริสุทธิ์ และได้ทรงเลือกเธอให้เหนือบรรดาหญิงแห่งประชาชาติทั้งหลาย


43. มัรยัมเอ๋ย! จงภักดีต่อพระเจ้าของเจ้าเถิด และจงสุญูด(กราบแนบพื้น)และรุกูอ์(โค้งคำนับ) ร่วม


8


กับรรดาผู้รุกูอ์ทั้งหลาย


44. นั่นคือส่วนหนึ่งจากบรรดาข่าวของสิ่งเร้นลับ ซึ่งเราชี้แจงให้เจ้า(โอ้ มุฮัมมัด)ได้ทราบ และเจ้ามิได้


อยู่ ณ ที่พวกเขาขณะที่พวกเขาโยนเครื่องเสี่ยงทายของพวกเขา(เพื่อทราบว่า) ใครในหมู่พวกเขาจะ


ได้อุปการะมัรยัม และเจ้ามิได้อยู่ ณ ที่พวกเขา ขณะพวกเขาโต้เถียงกัน


45.จงรำลึกถึงขณะที่มลาอิกะฮฺกล่าวว่า มัรยัมเอ๋ย ! แท้จริงอัลลอฮฺทรงแจ้งข่าวดีแก่เธอซึ่งพจมาน


หนึ่งจากพระองค์ ชื่อของเขาคือ อัลมะซีห์ อีซาบุตรของมัรยัม โดยที่เขาจะเป็นผู้มีเกียรติในโลกนี้และ


ปรโลก และจะอยู่ในหมู่ผู้ใกล้ชิด


46. และเขาจะพูดแก่ผู้คนขณะอยู่ในเปล และในวัยกลางคน และจะอยู่ในหมู่คนดี


47. นางกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะมีบุตรได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่มิได้มีบุรุษใด


แตะต้องข้าพระองค์ เขาตอบว่า กระนั้นก็ตามอัลลอฮฺจะทรงบังเกิดสิ่งที่พระองค์ประสงค์ เมื่อ


พระองค์ทรงชี้ขาดงานใดแล้ว? พระองค์ก็เพียงประกาศิตแก่สิ่งนั้นว่า จงเป็นขึ้นเถิด แล้วมันก็จะเป็น


ขึ้น


22.พระเยซูถูกตรึง และเสียชีวิตบนไม้กางเขนใช่ไหม?


(4:157-158)


157. และการที่พวกเขา(ชาวยิว)กล่าวว่า แท้จริงพวกเราได้ฆ่า อัล-มะซีห์ อีซา บุตรของมัรยัม ศาสน


ทูตของอัลลอฮฺ แต่แท้จริงพวกเขาหาได้ฆ่าอีซาและหาได้ตรึงเขาบนไม้กางเขนไม่ ทว่าเขาถูกให้


เหมือนแก่พวกเขา(หมายถึงพวกเขาฆ่าคนอื่นที่เหมือนอีซา) และแท้จริงบรรดาผู้ที่ขัดแย้งในตัวเขานั้น


แน่นอนย่อมอยู่ในความสงสัยเกี่ยวกับเขา พวกเขาหามีความรู้ใดๆ ในตัวเขาไม่ นอกจากคล้อยตาม


ความนึกคิดเท่านั้นและพวกเขามิได้ฆ่าเขา(อีซา)ด้วยความแน่ใจ(ไม่ได้ฆ่าเขาอย่างแน่นอน)


158. หามิได้ อัลลอฮฺได้ทรงยกเขา(อีซา)ขึ้นไปยังพระองค์ต่างหาก และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ


ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ


23. พระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้า (อัลลอฮฺ) จริงหรือ?


(112: 1-4)


9


1. โอ้มุฮัมมัด จงกล่าวแก่พวกมุชริกีนผู้เยาะเย้ยว่า พระเจ้าของฉันซึ่งฉันเคารพภักดีอยู่ (ซึ่งฉันได้


เรียกร้องพวกท่านเพื่อการเคารพภักดีต่อพระองค์นั้น) พระองค์ทรงเป็นเอกะทรงเป็นหนึ่งเดียว (ไม่มี


ผู้ใดเป็นภาคีต่อพระองค์ ไม่เหมือนและไม่คล้ายคลึงกับพระองค์ ไม่ว่าในรูปร่างหรือคุณลักษณะของ


พระองค์ และไม่ว่าในการกระทำต่าง ๆ ของพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงทรงเป็นหนึ่งเดียวและทรงเอ


กะ มิใช่ดังเช่นพวกนะศอรอได้เชื่อมั่นกันว่าเป็น “ตรีเอกานุภาพ” คือความเชื่อถือว่า พระบิดา พระ


บุตร และพระวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์เป็น 3 บุคคล ที่รวมเป็นหนึ่ง และมิใช่ดังเช่นพวกมุชริกีนเชื่อมั่น


กันว่ามีพระเจ้าหลายพระองค์)


2. อัลลอฮฺนั้นทรงเป็นที่พึ่ง


3. พระองค์ไม่ประสูติ และไม่ทรงถูกประสูติ


4. และไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์


24.ท่านจะได้รับความปลอดภัยอย่างไร?


(6:82) บรรดาผู้ที่ศรัทธา โดยที่มิได้ให้การศรัทธาของพวกเขาปะปนกับการอธรรมนั้น(ไม่ปะปนด้วย


การตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ) ชนเหล่านี้แหละพวกเขาจะได้รับความปลอดภัย และพวกเขาคือผู้ที่รับเอา


คำแนะนำไว้


25. ช่วงชีวิตบนโลกนี้เป็นอย่างไร?


(57:20) พึงทราบเถิดว่า แท้จริงการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้มิใช่อื่นใด เว้นแต่เป็นการละเล่นและการ


สนุกสนานร่าเริงและเครื่องประดับและความโอ้อวดระหว่างพวกเจ้า และการแข่งขันกันสะสมใน


ทรัพย์สินและลูกหลาน เปรียบเสมือนเช่นน้ำฝนที่ส่งให้มีการงอกเงยของพืชผล และยังความพอใจ


ให้แก่กสิกร จากนั้นมันก็จะเหี่ยวแห้ง แล้วเจ้าจะเห็นมันเป็นสีเหลือง แล้วมันก็กลายเป็นเศษเป็นชิ้น


แห้ง ส่วนในวันปรโลกนั้น มีการลงโทษอย่างสาหัสและมีการอภัยโทษและความโปรดปรานจากอัลลอ


ฮฺ และการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ มิใช่อื่นใดนอกจากการแสวงหาผลประโยชน์แห่งการหลอกลวงเท่านั้น


26.อะไรก็ตามที่เป็นสิ่งดี และความโปรดปรานที่คุณได้รับนั้นมาจากอัลลอฮฺ?


10


(16:53) และไม่มีความโปรดปรานใด ๆ ที่พวกเจ้าได้รับ นอกจากว่ามันย่อมมาจากอัลลอฮฺ จากนั้น


เมื่อความทุกข์ร้ายประสบแก่พวกเจ้าพวกเข้าก็จะคร่ำครวญขอจากพระองค์


27.ท่านสามารถรับประกันความโปรดปราณของอัลลอฮฺอย่างไร?


(14:7) และจงรำลึกขณะที่พระเจ้าของพวกเจ้าได้ประกาศว่า หากพวกเจ้าขอบคุณ(โดยการยอมรับ


การศรัทธา และไม่สัการะบูชาผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺ) ข้าก็จะเพิ่มพูนให้แก่พวกเจ้า(ด้วยความโปรด


ปรานของข้า) และหากพวกเจ้าเนรคุณ(นั่นคือ ปฏิเสธ) แท้จริงการลงโทษของข้านั้นสาหัสยิ่ง


28. ท่านสามารถปกป้องตัวท่านให้พ้นจากการถูกลงโทษอันเจ็บปวดอย่างไร?


(61:10-11)


10. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จะให้ข้าชี้แนะแนวทางแก่พวกเจ้าไหมเล่า ถึงการค้าที่จะช่วยพวกเจ้าให้


พ้นจากการลงโทษอันเจ็บปวด ?


11. นั่นคือพวกเจ้าต้องศรัทธาต่ออัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์ และต่อสู้ดิ้นรนในหนทางอัลลอฮฺ


ด้วยทรัพย์สินของพวกเจ้าและชีวิตของพวกเจ้า นั่นเป็นการดียิ่งสำหรับพวกเจ้าหากพวกเจ้ารู้


29. จะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ที่ไว้วางใจในอัลลอฮฺ?


(65:3) และจะทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่เขาจากที่ที่เขามิได้คาดคิด และผู้ใดมอบหมายแด่อัลลอฮฺ


พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้พอเพียงแก่เขา แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงบรรลุในกิจการของพระองค์โดย


แน่นอน สำหรับทุกสิ่งอย่างนั้นอัลลอฮฺทรงกำหนดกฎสภาวะไว้แล้ว


30. บั้นปลายของผู้ปฏิเสธศรัทธาเป็นอย่างไร?


(57:15) ดังนั้น วันนี้การไถ่บาปจะไม่ถูกรับจากพวกเจ้า และจากบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา(ในความเป็น


เอกะของอัลลอฮฺ ความเชื่อว่ามีพระเจ้าองค์เดียวในอิสลาม) ที่พำนักของพวกเจ้าคือไฟนรก มันเป็น


สถานที่อันเหมาะสมแก่พวกเจ้า และมันเป็นที่กลับคืนอันชั่วร้ายยิ่ง


11


31. บั้นปลายทางของผู้ศรัทธาเป็นอย่างไร?


(4:57) และบรรดาผู้ที่ศรัทธาและประกอบสิ่งดีงามทั้งหลายนั้น เราจะให้พวกเขาเข้าในบรรดาสวน


สวรรค์ ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่ภายใต้สวนสวรรค์เหล่านั้น โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล


ซึ่งในนั้นพวกเขาจะได้รับคู่ครองที่บริสุทธิ์และเราจะให้เขาเข้าอยู่ในเงาร่มอันร่มเย็น


32.ท่านสามารถมีชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไร?


(16:97) ผู้ใดก็ตามที่ปฏิบัติความดีไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง ในสภาพที่เขาเป็นผู้ศรัทธาแล้ว


ไซร้ ดังนั้น เราก็จะให้เขาได้ดำรงชีวิตที่ดี และแน่นอนเราจะตอบแทนรางวัลแก่พวกเขาด้วยสิ่งที่ดียิ่ง


จากผลที่พวกเขาได้เคยกระทำไว้ (นั่นคือสวรรค์ในโลกหน้า)


*****


ที่มา: http://www.islamhouse.com/p/191210



กระทู้ล่าสุด

ข้อความจากนักเทศน์มุส ...

ข้อความจากนักเทศน์มุสลิมถึงคริสเตียน

อานิสงส์ของการถือศีลอ ...

อานิสงส์ของการถือศีลอดหกวันชาวาล

สาส์นอันหนึ่งเดียวเท่ ...

สาส์นอันหนึ่งเดียวเท่านั้น

อิสลามกล่าวถึงอะไรเกี ...

อิสลามกล่าวถึงอะไรเกี่ยวกับการก่อการร้าย