บทความ

เดชานุภาพของอัลลอฮฺ





ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ





เดชานุภาพของอัลลอฮฺ





มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺพระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล ขอความสุขความจำเริญและความสันติจงประสบแด่ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ตลอดจนวงศ์วานและมิตรสหายของท่านโดยทั่วกัน ฉันขอปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว ไม่มีภาคีใดๆ สำหรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่า มุหัมมัดเป็นบ่าวของอัลลอฮฺและเป็นศาสนทูตของพระองค์





เป็นเรื่องจำเป็นยิ่งสำหรับมุอ์มินที่จะต้องพิจารณาสัญญาณทั้งหลายของอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ที่ชี้ให้เห็นถึงเดชานุภาพอันเกรียงไกรของพระองค์ เพื่อที่เขาจะได้เทิดทูนยกย่องพระองค์อย่างที่พระองค์พึงจะถูกเทิดทูนยกย่อง และให้ความยิ่งใหญ่แด่พระองค์อย่างเหมาะสมแก่ตำแหน่งอันยิ่งใหญ่ของพระองค์





อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ตรัสว่า








ความว่า “แท้จริงพระบัญชาของพระองค์ เมื่อทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์ก็จะตรัสแก่มันว่า “จงเป็น” แล้วมันก็จะเป็นขึ้นมา” (ยาสีน 82)





และพระองค์ตรัสว่า








ความว่า “และกิจการของเรา (ในการสร้าง) นั้น แค่ (บัญชา) เพียงครั้งเดียว (คือ) คล้ายกับชั่วหนึ่งพริบตา” (อัล-เกาะมัร 50)





และอีกอายะฮฺหนึ่ง ว่า








ความว่า “และพวกเขามิได้ให้ความยิ่งใหญ่แด่อัลลอฮฺอันพึงมีต่อพระองค์อย่างแท้จริง และแผ่นดินนี้ทั้งหมดเป็นเพียงกำพระหัตถ์หนึ่งของพระองค์ในวันกิยามะฮฺ และชั้นฟ้าทั้งหลายจะม้วนกลิ้งด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ และพระองค์ทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี” (อัซ-ซุมัร 67)





ท่านอัล-บุคอรียฺ และท่านมุสลิม ได้บันทึกไว้ในเศาะฮีหฺของท่านทั้งสอง ซึ่งหะดีษที่รายงานโดยท่านอิบนุมัสอู๊ด





ความว่า “ท่านอิบนุมัสอูดเล่าว่า มีบาทหลวงผู้หนึ่งได้มาหาท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และกล่าวว่า “โอ้ มุหัมมัด แท้จริงเราพบว่าอัลลอฮฺทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายด้วยนิ้วมือหนึ่ง ทรงสร้างแผ่นดินทั้งสองด้วยนิ้วมือหนึ่ง ทรงสร้างต้นไม้ด้วยนิ้วมือหนึ่ง ทรงสร้างน้ำและน้ำค้างด้วยนิ้วมือหนึ่ง และทรงสร้างสิ่งต่างๆทั้งปวงด้วยนิ้วมือหนึ่ง แล้วพระองค์ก็กล่าวว่า ข้านั้นคือกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจ” ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงหัวเราะอย่างเห็นด้วยกับคำกล่าวของบาทหลวงผู้นั้น จนกระทั่งเห็นฟันกรามของท่าน หลังจากนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็อ่าน “และพวกเขามิได้ให้ความยิ่งใหญ่แด่อัลลอฮฺอันพึงมีต่อพระองค์อย่างแท้จริง และแผ่นดินนี้ทั้งหมดเป็นเพียงกำพระหัตถ์หนึ่งของพระองค์ในวันกิยามะฮฺ และชั้นฟ้าทั้งหลายจะม้วนกลิ้งด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ และพระองค์ทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี” (อัล-บุคอรียฺ หน้า 941 หะดีษหมายเลข 4811 , มุสลิม หน้า 1121 หะดีษหมายเลข 2786)





และส่วนหนึ่งจากสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงเดชานุภาพอันเกรียงไกรของพระองค์ ก็คือ การสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย แผ่นดิน ภูเขา และสัตว์ต่างๆ ในเวลา 6 วัน และหากว่าพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ก็จะทรงสร้างสิ่งเหล่านี้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา แต่ทว่าการที่พระองค์ทรงส้รางภายใน 6 วันนั้น นับเป็นหิกมะฮฺ (ความรู้ วิทยปัญญา) ของพระองค์ อัลลอฮฺตรัสว่า








ความว่า “และแน่นอน เราได้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างมันทั้งสอง ภายใน 6 วัน โดยไม่มีความเหน็ดเหนื่อยใดๆ มาสัมผัสเรา” (กอฟ 38)





และส่วนหนึ่งจากสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงเดชานุภาพอันเกรียงไกรของพระองค์ คือ การสร้างท่านนบีอาดัมจากดิน และสร้างลูกหลานของท่านนบีอาดัมจากน้ำที่ต่ำต้อย (คืออสุจิ) ที่ออกมาจากกระดูกสันหลังของผู้ชาย และกระดูกหน้าอกของผู้หญิง แล้วน้ำนั้นก็ปักหลักอยู่ในที่พักอันมั่นคง (คือมดลูก) ที่ซึ่งดวงอาทิตย์ อากาศ ความร้อน และความเย็น ไม่สามารถสัมผัสโดนได้ และน้ำนั้น (อสุจิ) พำนักอยู่ในความมืดมิด 3 ชั้น นั่นคือความมืดมิดของครรภ์ ความมืดมิดของมดลูก และความมืดมิดของถุงน้ำคร่ำ เป็นเวลา 40 วันด้วยกัน จากนั้นน้ำอสุจิก็กลายเป็นก้อนเนื้อ จากก้อนเนื้อก็เป็นรูปร่าง ทั้งหมดนี้ ใช้เวลา 4 เดือน เมื่อสมบูรณ์แล้ว อัลลออฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ก็จะทรงส่งมลาอิกะฮฺผู้รับผิดชอบในเรื่องทารกให้มาเป่าวิญญาณเข้าไป และแล้วก้อนเนื้อแข็งๆที่ไม่มีชีวิตใดๆนั้นก็กลายเป็นมนุษย์ที่มีชีวิต และอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ทรงจำเริญยิ่ง เป็นผู้ทรงดีเลิศที่สุดในปวงหมู่ผู้สร้างทั้งหลาย อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ตรัสว่า








ความว่า “แล้วเราได้ทำให้เชื้ออสุจิกลายเป็นก้อนเลือด แล้วเราได้ทำให้ก้อนเลือดกลายเป็นก้อนเนื้อ แล้วเราได้ทำให้ก้อนเนื้อกลายเป็นกระดูก แล้วเราได้หุ้มกระดูกนั้นด้วยเนื้อ แล้วเราได้เป่าวิญญาณให้เขากลายเป็นอีกรูปร่างหนึ่ง ดังนั้นอัลลอฮฺทรงจำเริญยิ่ง ผู้ทรงเลิศแห่งปวงผู้สร้าง” (อัล-มุอ์มินูน 14)





และจากสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงเดชานุภาพอันเกรียงไกรของพระองค์ คือ การที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ทรงทำให้ท่านนบีอีซาเกิดมาจากแม่ โดยที่ไม่มีพ่อ (แม่ของท่านนบีอีซาเป็นหญิงบริสุทธิ์ไม่มีบุรุษใดเคยแตะต้องนาง) และทรงทำให้ท่านพูดขณะยังเป็นเด็กแบเบาะนอนอยู่ในเปล อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ตรัสว่า








ความว่า “แท้จริงอุปมัยอีซานั้น อุปมาดั่งอาดัม พระองค์ทรงบังเกิดเขาจากดิน และได้ทรงประกาศิตแก่เขาว่าจงเป็นขึ้นเถิด แล้วเขาก็เป็นขึ้น” (อาล


อิมรอน 59)





และ ตรัสว่า





ความว่า “แล้วนางได้พาเขา (อีซา) มายังหมู่ญาติของนางโดยอุ้มเขามา พวกเขากล่าวว่า โอ้ มัรยัมเอ๋ย แท้จริงเธอได้นำเรื่องประหลาดมาแล้ว * โอ้ น้องหญิงของฮารูน พ่อของเธอมิได้เป็นชายชั่ว และแม่ของเธอก็มิได้เป็นหญิงไม่บริสุทธิ์ * นางจึงชี้ไปทางเขา (อีซา) พวกเขากล่าวว่า เราจะพูดกับผู้ที่อยู่ในเปลที่เป็นเด็กได้อย่างไรกัน * เขา (อีซา) กล่าวว่า แท้จริงฉันเป็นบ่าวของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงประทานคัมภีร์แก่ฉัน และทรงให้ฉันเป็นนบี * และพระองค์ทรงให้ฉันได้รับความจำเริญ ไม่ว่าฉันจะอยู่ ณ ที่ใด และทรงสั่งเสียให้ฉันทำการละหมาดและจ่ายซะกาตตราบที่ฉันมีชีวิตอยู่ * และทรงให้ฉันทำดีต่อมารดาของฉัน และจะไม่ทรงทำให้ฉันเป็นผู้หยิ่งยะโส ผู้เลวทรามต่ำช้า” (มัรยัม 27-31)





และพระองค์อัลลฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ทรงตรัสไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ถึงสัญญาณอีกมากมายที่แสดงให้เห็นถึงเดชานุภาพในการให้คนที่ตายแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งในดุนยานี้





ส่วนหนึ่งจากสัญญาณเหล่านั้น คือเรื่องราวของบนีอิสรออีล เมื่อพวกเขากล่าวแก่นบีของพวกเขาว่า พวกเราจะไม่ศรัทธาต่อท่าน จนกว่าพวกเราจะเห็นอัลลอฮฺด้วยสายตาของพวกเรา แล้วทันใดนั้นสายฟ้าก็ได้ผ่าฟาดพวกเขา และคร่าพวกเขาจนหมดสิ้น เมื่อพวกเขาตายลงแล้ว หลังจากนั้นอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ก็ได้ทรงทำให้พวกเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งด้วยเหตุการณ์นี้ อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ได้ตรัสกับบนีอิสรออีลว่า








ความว่า “และ (จงรำลึกถึง) เมื่อขณะที่พวกเจ้ากล่าวว่า โอ้ มูซา เราจะไม่ศรัทธาต่อท่านเป็นอันขาด จนกว่าเราจะได้เห็นอัลลอฮฺโดยเปิดเผย แล้วสายฟ้าผ่าก็ได้คร่าพวกเจ้า ขณะที่พวกเจ้ามองดูกันอยู่ * ภายหลังเราได้ให้พวกเจ้าคืนชีพ หลังจากที่พวกเจ้าได้ตายไปแล้ว เพื่อว่าพวกเจ้าจักขอบคุณ” (อัล- บะเกาะเราะฮฺ 55-56)





และจากสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงเดชานุภาพของพระองค์ในการให้คนตายฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง คือ เรื่องราวของชายผู้หนึ่ง ที่เดินผ่านเมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งเมืองนั้นมีสภาพพังพินาศราบคาบ ผนังหล่นทับบนหลังคาบ้าน ต้นไม้แห้งตายเหี่ยวเฉา ยากที่จะมีผู้ทำให้เมืองนั้นคืนสภาพเป็นดังก่อน และอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ก็ได้แสดงให้เขาเห็นถึงเดชานุภาพของพระองค์ในการให้ฟื้นคืนชีพ โดยที่พระองค์ทรงทำให้เขาตายไปเป็นเวลา 100 ปี ซึ่งเขานั้นมีลาอยู่กับเขา มีอาหาร มีน้ำดื่ม แล้วใน 100 ปีนั้น ลาก็ตายลง ร่างเน่าเปื่อย เหลือแต่กระดูก แต่ทว่าอาหารและเครื่องดื่มของเขานั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งสี ทั้งกลิ่น ยังเหมือนเดิม ถึงแม้จะโดนแดด ฝน ลม แต่พระองค์ก็มิได้ทรงทำให้มันบูดเน่าเสีย หลังจากนั้นพระองค์ก็ได้ทรงทำให้ชายผู้นั้นฟื้นคืนชีพขึ้นมา และทรงสั่งให้เขามองไปยังซากลา ขณะเขามองดูกระดูกของมันที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน ทันใดกระดูกนั้นก็ค่อยๆประกอบขึ้นเป็นรูปเป็นร่างอีกครั้งจนสมบูรณ์ และเนื้อหนังก็ค่อยๆห่อหุ้มกระดูกนั้น พระองค์ได้ตรัสไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ในเรื่องนี้ว่า





ความว่า “หรือเช่นผู้ที่ได้ผ่านเมืองหนึ่ง (บัยตุลมักดิส) โดยที่มันพังทับลงบนหลังคาของมัน เขาได้กล่าวว่า อัลลอฮฺจะทรงให้เมืองนี้มีชีวิตขึ้นได้อย่างไร หลังจากที่มันได้พินาศวอดวายไปแล้ว และอัลลอฮฺก็ทรงให้เขาตายเป็นเวลาร้อยปี หลังจากนั้น พระองค์ได้ทรงให้เขาฟื้นคืนชีพขึ้น พระองค์รงกล่าวว่า เจ้าพักอยู่นานเท่าใด เขากล่าวว่า ข้าพระองค์พักอยู่วันหนึ่งหรือบางส่วนของวันเท่านั้น พระองค์ทรงกล่าวว่า มิใช่เช่นนั้น เจ้าพักอยู่นานถึงร้อยปี เจ้าจงมองดูอาหารของเจ้า และเครื่องดื่มของเจ้า มันยังไม่บูดเลย และจงมองดูลาของเจ้าซิ และเพื่อเราจะให้เจ้าเป็นสัญญาณหนึ่งสำหรับมนุษย์ และจงมองบรรดากระดูกเหล่านั้น ดูว่าเรากำลังยกมันไว้ ณ ที่ของมัน และประกอบมันขึ้นใหม่ แล้วให้มีเนื้อหุ้มห่อมันไว้อย่างไร ครั้นเมื่อสิ่งเหล่านั้นได้ประจักษ์แก่เขา เขาก็กล่าวว่า ข้าพระองค์รู้แล้วว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ 259)





และอีกหนึ่งจากสัญญาณเหล่านั้น คือ เรื่องราวของท่านนบีอิบรอฮีม เมื่อท่านถามพระเจ้าของท่าน ว่า พระองค์ทรงทำให้คนที่ตายแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งได้อย่างไร อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา จึงทรงสั่งให้ท่านนำนกมา 4 ตัว และหั่นนกออกเป็นท่อนๆ และให้นำส่วนต่างๆของนกนั้น แยกไปกระจัดกระจายไว้ตามภูเขาลูกต่างๆ แถวๆ นั้น โดยที่วางไว้แต่ละภูเขา 1 ส่วน แล้วพระองค์ก็ทรงสั่งให้ท่านเรียกนกเหล่านั้นมาหาท่าน ทันใดนั้น ทุกๆส่วนที่กระจัดกระจายกันอยู่ตามภูเขาแต่ละลูกก็มารวมตัวกันตรงหน้าท่านนบีอิบรอฮีม เป็นการเดินมา มิใช่บินมาแต่อย่างใด และอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ตรัสเกี่วกับเรื่องนี้ว่า





ความว่า “และ (จงรำลึกถึง) ขณะที่ที่อิบรอฮีมกล่าวว่า โอ้พระผู้เป็นเจ้าจองข้าพระองค์ โปรดได้ทรงให้ข้าพระองค์เห็นด้วยเถิดว่า พระองค์จะทรงให้บรรดาผู้ที่ตายแล้วมีชีวิตขึ้นอีกได้อย่างไรกัน พระองค์ตรัสว่า เจ้ามิได้เชื่อดอกหรือ อิบรอฮีมกล่าวว่า หามิได้ แต่ทว่าเพื่อหัวใจของข้าพระองค์จะได้สงบ พระองค์ตรัสว่า เจ้าจงเอานกมาสี่ตัว แล้วจงเลี้ยงมันให้ค้นแก่เจ้า และตัดมันออกเป็นท่อน ๆ หลังจากนั้นเจ้าจงวางไว้บนภูเขาทุกลูก ซึ่งส่วนหนึ่งจากนกเหล่านั้น แล้วจงเรียกมัน มันจะมายังเจ้าโดยรีบเร่ง และพึงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้น เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ 260)





และจากตัวอย่างต่างๆที่กล่าวมาเกี่ยวกับการที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ทรงทำให้สิ่งที่ตายแล้ว ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งในโลกดุนยานี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงเดชานุภาพของอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ในการที่จะทรงทำให้คนที่ตายแล้ว ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งในวันกิยามะฮฺ อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ตรัสว่า








ความว่า “และพระองค์คือผู้ทรงริเริ่มในการสร้าง แล้วทรงให้มันกลับคืนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และมันเป็นการง่ายยิ่งกว่าแก่พระองค์ และคุณลักษณะอันสูงส่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ” (อัร-รูม 27)





และตรัสว่า








ความว่า “การบังเกิดของพวกเจ้าและการฟื้นคืนชีพของพวกเจ้า มิใช่อื่นใดนอกจากเสมือนชีวิตเดียว แท้จริง อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงเห็น” (ลุกมาน 28)





และตรัสอีกว่า








ความว่า “และเฉพาะอัลลอฮฺเท่านั้น (ทรงรู้) ถึงสิ่งพันญาณวิสัยแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และเรื่องที่เกี่ยวกับวันสิ้นโลกนั้นมิใช่อื่นใด นอกจากเพียงชั่วพริบตาเดียวหรือมันใกล้ (เร็ว) ยิ่งกว่า แท้จริงอัลลอฮฺทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง” (อัน-นะหฺลุ 77)





มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน ผู้ทรงยิ่งใหญ่เกรียงไกร ผู้ทรงเดชานุภาพ ไม่มีสิ่งใดจะทำให้พระองค์ทรงหมดความสามารถไปได้ พระองค์ตรัสว่า





ความว่า “และอัลลอฮฺนั้น ไม่มีสิ่งใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะทำให้พระองค์หมดความสามารถไปได้ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงอานุภาพเสมอ” (ฟาฏิร 44)





والحمد لله رب العالمين، وصلى الله وسلم على نبينا محمد وعلى آله وصحبه أجمعين



กระทู้ล่าสุด

บางส่วนจากประวัติของท ...

บางส่วนจากประวัติของท่านอุมัร บิน อัล-ค็อฏฏอบ

ตำหนิการใช้ชีวิตอย่าง ...

ตำหนิการใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย

หะดีษริยาฎุศศอลิฮีน : ...

หะดีษริยาฎุศศอลิฮีน : บทว่าด้วยการเตาบะฮฺ

เดชานุภาพของอัลลอฮฺ ...

เดชานุภาพของอัลลอฮฺ