
ความช่วยเหลือของอัลกุรอานและการถือศีลอด
﴿شفاعة القرآن والصيام﴾
อาหมัด อัลฟารีตีย์
แปลโดย : ฮาเรส เจ๊ะโด
ผู้ตรวจทาน : ซุฟอัม อุษมาน
ที่มา : หนังสือ 40 หะดีษเราะมะฎอน
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
หะดีษบทที่ 22
ความช่วยเหลือของอัลกุรอานและการถือศีลอด
عَنْ عَبْدِ اللهِ بْنِ عَمْرٍو رَضِيَ الله عَنهُما أَنَّ رَسُولَ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ : «الصِّيَامُ وَالْقُرْآنُ يَشْفَعَانِ لِلْعَبْدِ يَوْمَ الْقِيَامَةِ، يَقُولُ الصِّيَامُ : أَيْ رَبِّ مَنَعْتُهُ الطَّعَامَ وَالشَّهَوَاتِ بِالنَّهَارِ، فَشَفِّعْنِي فِيهِ، وَيَقُولُ الْقُرْآنُ : مَنَعْتُهُ النَّوْمَ بِاللَّيْلِ فَشَفِّعْنِي فِيهِ»، قَالَ : «فَيُشَفَّعَانِ». (مسند الإمام أحمد رقم 6337، صحيح الجامع الصغير للألباني رقم3882 : صحيح)
ความว่า จากท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อัมรฺ อิบนุ อัล-อาศฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุมา เล่าจากท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ท่านได้กล่าวว่า “การถือศีลอดและอัลกุรอานนั้นจะมาให้ความช่วยเหลือแก่บ่าวในวันกิยามะฮฺ การถือศีลอดจะพูดว่า ‘โอ้ผู้อภิบาลแห่งข้า ข้าได้สกัดกั้นเขาจากอาหารและการสนองความใคร่ในยามกลางวัน ดังนั้นได้โปรดให้ข้าช่วยเหลือเขาด้วยเถิด’ อัลกุรอานก็จะพูดว่า ‘โอ้ผู้อภิบาลแห่งข้า ข้าได้สกัดกั้นเขาจากการหลับนอนในยามค่ำคืน ดังนั้นได้โปรดให้ข้าช่วยเหลือเขาด้วยเถิด’ แล้วทั้งสองก็ได้รับอนุญาตเพื่อให้ความช่วยเหลือ” (รายงานโดย อะหฺมัด หมายเลข 6337 ดู เศาะฮีหฺ อัล-ญามิอฺ ของ อัล-อัลบานีย์ หมายเลข 3882 เป็นหะดีษเศาะฮีหฺ)
บทเรียนจากหะดีษ
1. หะดีษอธิบายให้เห็นถึงความประเสริฐของการถือศีลอดและการอ่านอัลกุรอาน
2. การถือศีลอดสำหรับบ่าวของอัลลอฮฺนั้น ก็เพื่อให้เขามีความอดทนจากการกิน การดื่ม และควบคุมอารมณ์ใฝ่ต่ำ เพื่อแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮฺ
3. การอ่านอัลกุรอานทำให้บ่าวของอัลลอฮฺมีความอดทนจากการหลับนอนในยามค่ำคืน เพื่อใช้เวลาในการอ่านอัลกุรอาน ทำความเข้าใจเนื้อหาและท่องจำด้วยความซาบซึ้ง
4. อัลลอฮฺทรงอำนาจในการเปลี่ยนแปลงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่นอกเหนือกฎธรรมชาติ เช่น การที่พระองค์ทำให้การถือศีลอดและอัลกุรอานสามารถพูดกับพระองค์ได้
5. ไม่มีผู้ใดมีอำนาจและสามารถให้ความช่วยเหลือใดๆ แก่บ่าวของพระองค์ นอกจากจะได้รับการอนุมัติจากพระองค์เท่านั้น
6. ใช้ให้ถือศีลอดและอ่านอัลกุรอานอย่างเต็มความหมาย พร้อมกับรักษามารยาทในขณะอ่านอัลกุรอานเพื่อได้รับความช่วยเหลือในวันอาคิเราะฮฺ
7. เวลาที่ประเสริฐที่สุดในการอ่านอัลกุรอานคือในเวลากลางคืน
8. ใช้ให้ระลึกถึงวันอาคิเราะฮฺ และความยากลำบากระส่ำระสายในวันอาคิเราะฮฺ พร้อมกับให้เตรียมความพร้อมเพื่อเผชิญกับวันนั้น
ความประเสริฐของการเลี้ยงอาหารละศีลอด
﴿فضل تفطير الصائمين﴾
อาหมัด อัลฟารีตีย์
แปลโดย : ฮาเรส เจ๊ะโด
ผู้ตรวจทาน : ซุฟอัม อุษมาน
ที่มา : หนังสือ 40 หะดีษเราะมะฎอน
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
หะดีษบทที่ 23
ความประเสริฐของการเลี้ยงอาหารละศีลอด
عَنْ زَيْدِ بْنِ خَالِدٍ الْجُهَنِيِّ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : «مَنْ فَطَّرَ صَائِمًا كَانَ لَهُ مِثْلُ أَجْرِهِ غَيْرَ أَنَّهُ لاَ يَنْقُصُ مِنْ أَجْرِ الصَّائِمِ شَيْئًا». (الترمذي رقم735، صحيح سنن الترمذي رقم647: صحيح)
ความว่า จากท่านซัยดฺ อิบนุ คอลิด อัล-ญุฮะนีย์ เล่าจากท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ท่านได้กล่าวว่า “ผู้ใดที่เลี้ยงอาหารละศีลอดแก่ผู้ถือศีลอด เขาจะได้รับผลบุญเท่ากับผลบุญของผู้ถือศีลอด(ที่เขาให้อาหาร) โดยที่ผลบุญนั้น (หมายถึงผลบุญเดิมของผู้ถือศีลอดที่เขาเลี้ยงอาหาร) ไม่ได้ลดน้อยลงไปจากผู้ถือศีลอดนั้นแต่อย่างใด” (รายงานโดย อัต-ติรมิซีย์ หมายเลข 735 ดู เศาะฮีหฺ สุนัน อัต-ติรมิซีย์ หมายเลข 647 เป็นหะดีษเศาะฮีหฺ)
บทเรียนจากหะดีษ
1. ความประเสริฐของผู้ที่ให้ละศีลอดแก่ผู้ถือศีลอด เขาจะได้รับผลบุญอย่างเต็มเปี่ยม เหมือนคนที่ถือศีลอด โดยที่ผลบุญดังกล่าวจะไม่ลดไปจากผู้ถือศีลอดที่เขาเลี้ยงอาหารนั้นแม้แต่น้อย
2. ส่งเสริมให้มีการเลี้ยงอาหารแก่ผู้ที่ถือศีลอด ไม่ว่าเขาจะเป็นคนที่ร่ำรวยหรือยากจน
3. อาหารหรือเครื่องดื่มที่จัดเตรียมให้แก่ผู้ที่ถือศีลอดนั้นจะต้องมาจากทรัพย์สินที่หะลาล
4. ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่นั้นเป็นลักษณะของผู้ที่เป็นมุสลิมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนเราะมะฎอน
5. สังคมอิสลามเป็นสังคมที่มีความรักใคร่ปรองดองกัน มีการเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ดุอาอ์ของผู้ถือศีลอดไม่ถูกผลักไส
﴿دعوة الصائم لا تُرَدُّ﴾
อาหมัด อัลฟารีตีย์
แปลโดย : ฮาเรส เจ๊ะโด
ผู้ตรวจทาน : ซุฟอัม อุษมาน
ที่มา : หนังสือ 40 หะดีษเราะมะฎอน
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
หะดีษบทที่ 24
ดุอาอ์ของผู้ถือศีลอดไม่ถูกผลักไส
عَنْ أَنَسِ بنِ مَالِكٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قَالَ : قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : «ثَلاَثُ دَعْوَاتٍ لاَ تُرَدُّ : دَعْوَةُ الْوَاْلِدِ، وَدَعْوَةُ الصَّائِمِ، وَدَعْوَةُ الْمُسَافِرِ». (البيهقي في الكبرى رقم6185، صحيح الجامع الصغير للألباني رقم3032: حسن)
ความว่า จากท่าน อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าจากท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ท่านได้กล่าวว่า “ดุอาอ์สามประเภทที่จะไม่ถูกผลักไส คือดุอาอ์ของบุพการี(บิดามารดา) ดุอาอ์ของผู้ถือศีลอด และดุอาอ์ของผู้เดินทาง” (รายงานโดย อัล-บัยฮะกีย์ ใน สุนัน อัล-กุบรอ หมายเลข 6185 ดู เศาะฮีหฺ อัล-ญามิอฺ หมายเลข 3032 เป็นหะดีษหะสัน)
บทเรียนจากหะดีษ
1. หะดีษกล่าวถึง ดุอาอ์ของบุคคลสามจำพวกที่อัลลอฮฺไม่ปฏิเสธ คือ
- ดุอาอ์ของบุพการี
- ดุอาอ์ของผู้ถือศีลอดที่รักษามารยาทที่ดีงามและมีเจตนาที่บริสุทธิ์
- ดุอาอ์ของคนที่เดินทาง
2. อย่างไรก็ตาม ได้มีหะดีษในสายรายงานอื่นที่กล่าวถึงบุคคลประเภทต่างๆ ที่ดุอาอ์ของพวกเขาจะไม่ถูกปฏิเสธเช่นเดียวกัน อาทิ ดุอาอ์ของอิมามที่ยุติธรรม และดุอาอ์ของผู้ที่ถูกรังแกโดยไม่เป็นธรรม เป็นต้น
3. ความโปรดปรานของอัลลอฮฺจะครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง
4. ส่งเสริมให้มีการขอดุอาอ์ในขณะที่ถือศีลอดและขณะละศีลอด
5. การขอดุอาอ์สามารถทำได้ง่ายแม้ในขณะที่กำลังถือศีลอด หรือขณะใช้ชีวิตปกติในแต่ละวันก็ตาม