
อาหมัด อัลฟารีตีย์
عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ رَضِيَ الله عَنهُ أَنَّ رَسُولَ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ : «مَنْ قَامَ رَمَضَانَ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ». (البخاري رقم 36، مسلم رقم 1266)
ความว่า จากท่าน อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าจากท่าน รอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ท่านได้กล่าวว่า “ผู้ใดที่ลุกขึ้น(เพื่อละหมาดและประกอบอิบาดะฮฺ)ในคืนของเดือนเราะมะฎอน ด้วยความศรัทธาและหวังในความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ เขาจะได้รับการอภัยโทษจากความผิดบาปที่ผ่านมาของเขา” (รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ หมายเลข 36 และมุสลิม หมายเลข 1266)
คำอธิบาย
อะมัลที่ศาสนาอิสลามส่งเสริมให้บรรดามุสลิมกระทำในเดือนเราะมะฎอน คือ การละหมาดในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นการละหมาดตะรอวีหฺ และผลการตอบแทนในการปฏิบัตินั้นยิ่งใหญ่ไม่หย่อนไปกว่าการประกอบอิบาดะฮฺประเภทอื่นๆ ที่ใช้ให้ปฏิบัติในเดือนเราะมะฎอน เช่น การถือศีลอด เพราะต่างได้รับการสัญญาว่าจะได้รับการอภัยโทษในบาปที่กระทำมา เฉกเช่นเดียวกับการตอบแทนที่ได้สัญญาแก่คนที่ปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮฺในค่ำคืนลัยละตุลก็อดรฺในด้านการได้รับอภัยโทษ ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับความมั่นใจของเราต่อคำสั่งของอัลลอฮฺ รวมทั้งความบริสุทธิ์ใจในการปฏิบัติอะมัลดังกล่าวด้วย
ส่วนหุก่มของการละหมาดตะรอวีหฺนั้น บรรดาอุละมาอ์ได้ลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า เป็นสุนัตสำหรับชายและหญิง และใช้ให้ปฏิบัติทั้งในรูปแบบญะมาอะฮฺหรือในลักษณะต่างคนต่างทำ แต่การปฏิบัติในรูปแบบญะมาอะฮฺจะมีความประเสริฐมากกว่า
บทเรียนจากหะดีษ
1. กล่าวถึงความประเสริฐของเดือนเราะมะฎอนและอิบาดะฮฺกิยามุลลัยลฺในเดือนเราะมะฎอน
2. มีความยะกีน/มั่นใจต่อคำสั่งของอัลลอฮฺ และความบริสุทธิ์ในการประกอบอิบาดะฮฺนั้นถือว่าเป็นเงื่อนไขหลักของการได้มาซึ่งการตอบแทนจากอัลลอฮฺ (หมายถึงอัลลอฮฺจะทรงพิจารณาถึงความบริสุทธิ์ใจในการประกอบอิบาดะฮฺของบ่าว)
3. ชี้ถึงเราะหฺมัตหรือความเมตตาของอัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์จะให้อภัยต่อบาปต่างๆ ที่ผ่านมาแก่ผู้ที่ดำรงละหมาดในค่ำคืนเดือนเราะมะฎอน
ส่งเสริมให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในเดือนเราะมะฎอน
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
หะดีษบทที่ 20
ส่งเสริมให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในเดือนเราะมะฎอน
عَنْ ابْنِ عَبَّاسٍ رَضِيَ عَنهُمَا قَالَ : كَانَ رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَجْوَدَ النَّاسِ بِالْخَيْرِ، وَكَانَ أَجْوَدَ مَا يَكُونُ فِي شَهْرِ رَمَضَانَ، إِنَّ جِبْرِيلَ عَلَيْهِ السَّلاَمُ كَانَ يَلْقَاهُ فِي كُلِّ سَنَةٍ فِي رَمَضَانَ حَتَّى يَنْسَلِخَ، فَيَعْرِضُ عَلَيْهِ رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ الْقُرْآنَ، فَإِذَا لَقِيَهُ جِبْرِيلُ كَانَ رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَجْوَدَ بِالْخَيْرِ مِنْ الرِّيْحِ الْمُرْسَلَةِ. (البخاري رقم 5، مسلم رقم 4268)
ความว่า จากท่าน อิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุมา เล่าว่า “ในหมู่ผู้คนทั้งหลายนั้นท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เป็นผู้ใจบุญที่สุดในการทำความดี (หมายถึงการให้ทานและทำความดีอื่นๆ) และท่านจะใจกว้างที่สุดในเดือนเราะมะฎอน ทั้งนี้ ทุกปี ญิบรีลจะมาพบกับท่านในทุกคืนของเราะมะฎอนจนกระทั่งหมดเดือน ท่านรอซูลจะอ่านศึกษาอัลกุรอานกับมะลาอิกะฮฺญิบรีล และแท้จริงท่านรอซูลนั้นเมื่อได้เจอญิบรีลแล้ว ท่านจะเป็นผู้ใจบุญในการทำความดีมากกว่า/ยิ่งใหญ่กว่าลมที่หอบพัดเสียอีก” (รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ หมายเลข 5 และมุสลิม หมายเลข 4268)
คำอธิบายหะดีษ
ท่านอิบนุหะญัร อัล-อัสเกาะลานีย์ กล่าวว่า “อัล-ญูด” หรือความเอื้อเฟื้อในความหมายตามบทบัญญัติอิสลาม คือ การให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เหมาะสมแก่คนที่มีสิทธิในสิ่งนั้น นั่นก็คือ จะมีความหมายกว้างกว่าการให้ทาน (เศาะดะเกาะฮ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนเราะมะฎอนซึ่งเป็นฤดูแห่งการประกอบคุณความดี เพราะอัลลอฮฺจะทรงประทานความโปรดปรานลงมาแก่บ่าวของพระองค์ ซึ่งความโปรดปรานที่ว่าจะมีมากในเดือนเราะมะฎอน
ท่าน อัซ-ซัยน์ บิน อัล-มุนีรฺ กล่าวว่า ลักษณะการเปรียบเทียบระหว่างความเอื้อเฟื้อของท่านรอซูลลุลอฮ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ด้วยความดีงามและความเอื้อเฟื้อของลมที่หอบพัด ลมในที่นี้ก็คือลมแห่งความโปรดปรานที่อัลลอฮฺประทานไว้ในการลงฝนทั่วฟ้า อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ฝนตกลงมาบนพื้นดินทั้งที่ตายแล้วและยังไม่ตาย ซึ่งหมายถึงว่า ความดีงามของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะครอบคลุมถึงคนที่มีความขัดสนและร่ำรวย ซึ่งมีมากกว่าฝนตกที่เกิดจากลมแรง (ฟัตหุลบารีย์ 4/611)
อิหม่าม อัน-นะวะวีย์ กล่าวว่า ในหะดีษดังกล่าวนั้นจะมีประโยชน์อยู่หลายประการ เช่น
- ส่งเสริมให้มีความเอื้อเฟื้ออยู่ตลอดเวลา
- ให้เพิ่มความเอื้อเฟื้อในเดือนเราะมะฎอน
- ส่งเสริมให้อยู่ร่วมกับผู้ที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
- ให้มีการเยี่ยมเยียนผู้ที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
- สุนัตให้อ่านอัลกุรอานมากๆ ในเดือนเราะมะฎอน
- หลักฐานชี้ให้เห็นว่าอัลกุรอานถูกประทานลงมาในเดือนเราะมะฎอน
บทเรียนจากหะดีษ
1. แบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในหะดีษนี้ก็คือ การมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อในการใช้จ่ายในหนทางของอัลลอฮฺ ซึ่งท่านมีจิตที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เกินกว่าผู้คนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนเราะมะฎอนขณะที่ท่านพบกับมะลาอิกะฮฺญิบรีลทุกๆ คืน
2. เชิญชวนประชาชาติมุสลิมทุกคนให้มีความเอื้อเฟื้อ เพื่อเจริญรอยตามแบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และหวังเพื่อได้รับผลบุญเท่าทวีคูณ
3. ส่งเสริมให้มีการตะดัสรุสอัลกุรอาน(ศึกษาอัลกุรอาน)ในเดือนเราะมะฎอน โดยการสลับกันอ่านและรับฟัง ขณะเดียวกันส่งเสริมให้มีการตะดับบุร (ใคร่ครวญ) ในขณะอ่านอัลกุรอาน
4. อัลกุรอานและเราะมะฎอนได้ปลูกฝังบุคลิกภาพมุสลิมเพื่อให้มีจิตใจที่เอื้อเฟื้อและใช้จ่ายทรัพย์สินในหนทางของอัลลอฮฺ
5. ความประเสริฐของการมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อและการให้ทาน (เศาะดะเกาะฮฺ)
6. การมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อยิ่งของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม นั้นเปรียบเสมือนลมที่หอบพัดทั่วพื้นดิน
การอ่านอัลกุรอานในเดือนเราะมะฎอน
อาหมัด อัลฟารีตีย์
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
หะดีษบทที่ 21
การอ่านอัลกุรอานในเดือนเราะมะฎอน
عَنْ عَائِشَةَ رَضِيَ اللهُ عَنْهَا قَالَتْ : ...وَلاَ أَعْلَمُ نَبِيَّ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَرَأَ الْقُرْآنَ كُلَّهُ فِي لَيْلَةٍ، وَلاَ صَلَّى لَيْلَةً إِلَى الصُّبْحِ، وَلاَ صَامَ شَهْرًا كَامِلاً غَيْرَ رَمَضَانَ. (مسلم 1233)
ความว่า จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา เล่าว่า “...และฉันไม่เคยทราบว่าท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม อ่านอัลกุรอานจบเล่มในคืนเดียว ละหมาดสุนัตจนถึงเช้า และถือศีลอดหมดทั้งเดือน นอกจากในเดือนเราะมะฎอนเท่านั้น” (รายงานโดย มุสลิม หมายเลข 1233)
คำอธิบายหะดีษ
การที่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม มุ่งอ่านอัลกุรอานในเดือนเราะมะฎอนนั้น ชี้ให้เห็นความประเสริฐและคุณค่าของการปฏิบัตินี้อย่างชัดเจนแล้ว การอ่านอัลกุรอานนั้นถูกส่งเสริมให้มีการอ่านอยู่สม่ำเสมอ และส่งเสริมให้อ่านในขณะละหมาดกลางคืนในช่วงเวลาหนึ่งส่วนสามสุดท้ายของทุกคืน แต่เนื่องจากเราะมะฎอนนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความบะเราะกะฮฺ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดือนดังกล่าวเป็นเดือนแห่งการประทานอัลกุรอานแก่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และท่านรอซูลได้อ่านอัลกุรอานหนึ่งเที่ยวจบ (เคาะตัม)ภายในคืนเดียวเท่านั้น อาจเป็นไปได้ว่าท่านอ่านอัลกุรอานในขณะละหมาดกิยามุลลัยลฺ(การละหมาดกลางคืน) ซึ่งท่านได้ปฏิบัติตั้งแต่ตอนค่ำจนถึงหัวรุ่ง ขณะที่ในตอนกลางวันนั้นท่านรอซูลได้ถือศีลอดเป็นเวลาหนึ่งเดือน การศิยาม(การถือศีลอด) การกิยาม(การละหมาดกลางคืน) และการอ่านอัลกุรอาน ทั้งสามประการนี้เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในเดือนเราะมะฎอน เพื่อให้ได้มาซึ่งความประเสริฐและความบะเราะกะฮฺซึ่งถูกกำหนดโดยอัลลอฮฺในเดือนนี้เท่านั้น
บทเรียนจากหะดีษ
1. กล่าวถึงความประเสริฐของการอ่านอัลกุรอาน การถือศีลอดและการกิยามุลลัยลฺในเดือนเราะมะฎอน เพราะการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นแบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
2. ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อ่านอัลกุรอานและดำรงการละหมาดในเดือนเราะมะฎอนอย่างเคร่งครัด
3. ส่งเสริมให้อ่านอัลกุรอานและให้จบโดยเร็วเท่าที่สามารถทำได้ เพราะอัลกุรอานถูกประทานลงมาในเดือนดังกล่าว
4. เวลาในการอ่านอัลกุรอานที่ดีที่สุดคือในเวลากลางคืน
5. หะดีษข้างต้นได้กล่าวถึงความประเสริฐของกิยามุลลัยลฺในเดือนเราะมะฎอน
6. การอ่านอัลกุรอาน การกิยามุลลัยล์ และการถือศีลอดในตอนกลางวันของเราะมะฎอน อะมัลทั้งสามอย่างนั้นจะเป็นเบ้าหลอมในการสร้างบุคลิกภาพและจิตวิญญาญของมุสลิม