รักษามารยาทในการถือศีลอด
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
หะดีษบทที่ 12
รักษามารยาทในการถือศีลอด
ความว่า จากท่าน อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ เล่าจากท่าน รอซูล
ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ท่านได้กล่าวว่า “บ่อยครั้งที่ผู้ถือศีลอดไม่ได้รับ
ผลตอบแทนจากการถือศีลอดของเขา นอกเสียจากความหิว(เพราะไม่รักษา
มารยาทในการถือศีลอด) และบ่อยครั้งที่ผู้ยืน(ละหมาดในเวลากลางคืน)ไม่ได้
รับผลตอบแทนจากการยืนละหมาดของเขานอกเสียจากการอดนอน”
(รายงานโดยอิบนุ มาญะฮฺ เลขที่ 1680 ดู เศาะฮีหฺ สุนัน อิบนิ มาญะฮฺ ของ
อัล-อัลบานีย์ เลขที่ 1371 เป็นหะดีษ หะสัน เศาะฮีหฺ)
คำอธิบายหะดีษ
ถึงแม้ว่าการถือศีลอดและการละหมาดกลางคืนจะมีคุณค่าที่ประเสริฐอย่างใหญ่หลวง
ตามที่มีระบุในหลายหะดีษจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แต่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่สามารถ
บรรลุถึงความประเสริฐดังกล่าวได้ อันเนื่องจากว่าคุณค่าและความประเสริฐดังกล่าวนั้นมีเงื่อนไขที่
จำเป็นสำหรับผู้ปฏิบัติต้องมีไว้และต้องรักษาไว้เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่ออะมัลของเขา
ตัวอย่างเช่น ผู้ถือศีลอดที่อดข้าวอดน้ำ แต่ไม่ได้ละเลิกจากสิ่งต้องห้ามที่อัลลอฮฺทรงโกรธ
อาทิ ไม่ได้ระวังรักษาลิ้นของเขาจากการพูดปดหรือด่าทอผู้อื่น หรือไม่ได้รักษาตาของเขาจากการดู
สิ่งหะรอม หรือไม่ได้ดูแลหูของเขาจากการฟังสิ่งที่ผิดบาป นั่นก็แสดงว่าเขาไม่ได้รับอานิสงค์อะไร
เลยจากการถือศีลอดของเขา
เช่นเดียวกับผู้ที่ละหมาดกลางคืน แต่ปฏิบัติไปด้วยความโอ้อวด หรือด้วยจุดประสงค์อื่นที่
ไม่ใช่เพราะความศรัทธาและหวังความโปรดปราน เขาก็ย่อมไม่ได้รับผลดีใดๆ จากอะมัลนั้นของ
เขาเลย เป็นต้น
2
บทเรียนจากหะดีษ
1. เตือนให้คนที่ถือศีลอดให้มีเจตนาที่บริสุทธิ์ ขณะเดียวกันให้รักษามารยาทของการถือศีล
อดให้ดี
2. ผู้ถือศีลอดที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ หรือถือศีลอดโดยไม่ได้รักษามารยาทของการถือศีลอด
ย่อมถือว่าการถือศีลอดของเขาสูญเปล่า
3. การถือศีลอดและการกิยามุลลัยลฺ (ละหมาดกลางคืน) บางครั้งได้รับผลตอบแทนและ
บางครั้งก็ไม่ได้รับผลตอบแทน ซึ่งขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ปฏิบัติและมารยาทต่างๆ ของเขา
4. ใช้ให้มีความพยายาม เพื่อให้อะมัลที่ปฏิบัติทุกอย่างได้รับการตอบรับจากอัลลอฮฺ